ข่าว

CIB แจ้งข้อหา แก๊งผอ. รร.ดังหาดใหญ่ รวมหัว "ทุจริตเงินค่าอาหารกลางวันเด็ก"

บก.ปปป.ร่วม บก.ป. แจ้งข้อหา คณะผู้บริหาร รร.ดังหาดใหญ่ 4 ราย รวมหัว ทุจริตงบประมาณอุดหนุนจากรัฐ ทั้งค่าอาหารกลางวัน ทั้งเงินโครงการเรียนฟรี 15 ปี ทั้งค่าหนังสือเรียน พบหลักฐานทุจริตนาน 2 ปี อมเงินเด็กไปมากกว่า 2 ล้านบาท

25 มิ.ย.2567 จากกรณีเมื่อวันที่ 26 ก.ย.2566 นายสุกรี แวมูชอ
ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดสงขลา มาร้องทุกข์กล่าวโทษมอบคดีต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีกับ ผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ซึ่งเป็นบุคคลากรของโรงเรียน ว่าได้ร่วมกันทุจริตเงินค่าอาหารกลางวันของโรงเรียน และมีการยื่นคำร้องขอรับเงินอุดหนุนโครงการเรียนฟรี 15 ปี ในส่วนของค่าอุปกรณ์การเรียน และค่าเครื่องแบบนักเรียนจากสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดสงขลา แต่ไม่นำเงินอุดหนุนดังกล่าวมอบให้ผู้ปกครอง

มีการทุจริต โดยการนำใบสำคัญรับเงินต่างๆให้กับครูประจำชั้นเพื่อนำไปให้ผู้ปกครองลงลายมือชื่อ โดยยังไม่มีการกรอกข้อความใดในใบอุดหนุนการศึกษา และขอเก็บสำเนาบัตรประชาชน ผู้ปกครองไว้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินอุดหนุน

และนอกจากนี้ยัง ให้ครูปลอมเอกสารใบเสร็จรับเงินซึ่งเอกสารดังกล่าวทางโรงเรียนฯ ต้องเสนอหลักฐานการใช้จ่ายเงินอุดหนุนต่อคณะกรรมการบริหารโรงเรียน เป็นเหตุให้ผู้ปกครองเสียสิทธิในการรับเงินอุดหนุนดังกล่าว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,226,910 บาท

และส่วนของเงินอุดหนุนโครงการอาหารกลางวัน มีการว่าจ้างให้ลูกจ้างเซ็นชื่อลอยไว้ในเอกสารใบสำคัญแทน โดยไม่มีการระบุข้อความ และจำนวนเงิน จากนั้นมีการกรอกข้อความจำนวนเงินย้อนหลัง ซึ่งเกินจำนวนจริง ทำให้นักเรียนได้รับคุณค่าทางโภชนาการไม่เพียงพอ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 968,286 บาท รวมความเสียหายที่เกิดขึ้น 2,195,196 บาท

 

ต่อมาตำรวจ บก.ปปป.และ บก.ป. จึงได้จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดจนสามารถแจ้งข้อกล่าวหา แก่บุคคลทั้ง 4 ราย ที่เป็นคณะผู้บริหารโรงเรียนดังกล่าว 

24 มิ.ย.2567  กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกันแจ้งข้อกล่าวหาแก่ คณะผู้บริหารโรงเรียนดังแห่งหนึ่ง ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ประกอบด้วย
1. นายพิพัตน์ฯ อายุ 56 ปี ผู้อำนวยการ/ผู้จัดการโรงเรียนฯ
2. นางอุบลฯ อายุ 55 ปี รองผู้อำนวยการโรงเรียนฯ
3. นางอัญชลีฯ อายุ 64 ปี รองผู้อำนวยการโรงเรียนฯ
4. นางถิระนันท์ฯ อายุ 65 ปี หัวหน้าฝ่ายบริหารงานงบประมาณ

โดยกล่าวหาว่า "ร่วมกันยักยอก และ ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม" (ป.อาญา ม.352,265,83)
พฤติการณ์ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
(บก.ปปป.) ร่วมกับ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ทำการสืบสวน

 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีคณะครูของโรงเรียนเข้ามายื่นเรื่องตำรวจ บก.ปปป ว่า มีการทุจริตภายในโรงเรียนเกิดขึ้น อาทิ  งบอาหารกลางวัน รวมไปถึงอุปกรณ์การเรียนต่างๆ หลังรับเรื่องจึงนำกำลังลงพื้นที่ พร้อมตรวจยึดเอกสารงบประมาณต่างๆของโรงเรียนมาตรวจสอบ ก่อนพบว่า มีการทุจริตหลายกรณี

 

โดยเฉพาะโครงการอาหารกลางวัน ที่มีการหักเงินส่วนนี้มากถึง 25 เปอร์เซ็น คงเหลือเงินที่จะใช้เป็นงบทำอาหารกลางวันเลี้ยงเด็กเพียงแค่ 70 กว่า เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในจำนวนที่เหลือนี้จะใช้เป็นค่าแรงแม่ครัวและค่าวัตถุดิบประกอบอาหาร 

 

ส่วนต่อมาเป็นการทุจริต เงินสนับสนุนเครื่องแบบหรือ อุปกรณ์การเรียน หนังสือเรียน หลังพบว่ามีการนำเอกสารให้ผู้ปกครองเซ็นต์รับสิทธิ์ ก่อนนำไปเบิกหนังสือใหม่ตามปกติ แต่พอถึงเวลากลับนำหนังสือเก่ามาเวียนให้เด็กนักเรียนใช้

โรงเรียนดังกล่าวมีเด็กนักเรียนประมาณ 1.7 พันคน แต่ละปีจะมีการทุจริตเงินงบสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนตกปีละ 1.2 ล้านบาท

 

ขณะที่การทุจริตอาหารกลางวันจะอยู่ที่ปีละประมาณ 9 แสนกว่าบาท เชื่อว่าน่าจะทำมานานหลายปี เพียงแต่หลักฐานย้อนหลังที่เราตรวจพบมีอยู่เพียงแค่ 2-3 ปี 

สำหรับกรณีนี้เราสอบปากคำพยานมากกว่า 100 ปาก ค่อนข้างมีพยานหลักฐานแน่ชัด แต่เนื่องด้วยโรงเรียนดังกล่าวเป็นโรงเรียนเอกชน จึงไม่เข้าข่ายอำนาจหน้าที่ของ ตำรวจ บก.ปปป. จึงส่งสำนวนต่อให้ทาง บก.ป. เป็นผู้ดำเนินการ จนมีการแจ้งข้อกล่าวหา เบื้องต้นจากการสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 ราย ยังคงยืนกรานปฏิเสธ 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางเราให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาตำรวจ ปปป. เองก็เคยจับกุมมาแล้วในพื้นที่ กทม. และหลังจากนี้จะมีการจัดกำลังลงพื้นที่สุ่มตรวจตามโรงเรียนต่างๆมากขึ้น เพื่อเป็นการป้องปราม

 

ทั้งนี้อยากฝากไปถึงกระทรวงการศึกษาให้ช่วยเข้มงวดตรวจสอบ นอกจากนี้อยากฝากไปถึง เจ้าอาวาสวัดโคกสมานคุณ ให้ช่วยดำเนินการปลด คณะผู้บริหารโรงเรียนคณะนี้ เพราะทราบว่าก่อนหน้านี้เคยปลดไปแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนจะมีการเจรจาขอกลับมา

พล.ต.ต.ประสงค์ กล่าวว่า เคสดังกล่าวเคยมีการร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีหน่วยงานไหนแก้ไข นำมาสู่การร้องตำรวจ ปปป. จนมีการตรวจสอบพบการกระทำผิด อย่างไรก็ตามในส่วนของแม่ครัว เบื้องต้นให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่เป็นดี จึงกันไว้เป็นพยาน ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา 


ด้าน พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า หลังกองปราบรับสำนวนต่อมาจาก บก.ปปป. ได้มีการสอบปากคำ พยาน ผู้ปกครอง นักเรียน ครู เจ้าหน้าที่รัฐ กว่า 150 ปาก จนพบว่ามีการให้ผู้ปกครองลงลายมือชื่อในเอกสารไว้ว่าได้รับเงินตามที่ระบุภายในเอกสาร

 

ซึ่งการกระทำเช่นนี้เข้าข่ายเป็นการปลอมเอกสาร ส่งผลต่อเรื่องการได้รับสิทธิ์ อีกส่วนหนึ่งเป็นเรื่องเงินค่าอาหารกลางวัน ก็พบว่าเข้าข่ายความผิดฐาน ยักยอก ซึ่งอัตราโทษการทุจริตทั้ง 2 กรณีมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี เพียงแค่เป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ

พ.ต.อ.สถาปนา กล่าวว่า สำหรับเอกสารหลักฐานที่ตรวจยึดมาได้นั้น ส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่องจัดทำงบประมาณ เงินอุดหนุนรัฐบาล แต่ละโครงการมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันไปอาทิ งบอุดหนุนรายบุคคล งบกลางวัน งบสนับสนุนอุปกรณ์ศึกษาและหนังสือเรียน 
อย่างรายละเอียดเงินอุดหนุนอาหารกลางวันเด็ก พบ มีการสนับสนุนงบให้นักเรียนตก 22 บาทต่อหัว แต่จากการสอบพยานต่างๆพบว่ามีการหักส่วนต่างไป 5 บาท คงเหลือจ่ายแม่ครัว เพียงแค่ 17 บาท จนทำให้อาหารไม่ได้คุณภาพตามที่ควรจะเป็น