วัยรุ่นรัว 10 นัด กลางแยกลาซาล สังหาร "ต่าย คอลาย"

จากกรณี 2 คนร้าย ใช้อาวุธปืนรัวยิงรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน 3 ขย 20XX ซึ่งมีนายวรเชษฐ์ หรือ เฮิรท์ อายุ 37 ปี เป็นคนขับ กระสุนทะลุกระจกโดนศีรษะนายเจษฎา หรือ "ต่าย คอลาย" ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เหตุเกิดกลางแยกไฟแดงลาซาล ตัดถนนแบริ่ง เมื่้อเวลา 02.39 น. วันที่ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา

หลังเกิดเหตุตำรวจ สน.บางนา ร่วมกับ สืบ บก.น.5 และ สืบนครบาล ออกสืบสวนหาพยานหลักฐาน และเชิญตัวนายวรเชษฐ์ คนขับฟอร์จูนเนอร์ มาสอบปากคำ ให้ข้อมูลว่า สาเหตุเกิดจากเรื่องที่ตนเองและกลุ่มผู้ก่อเหตุ มีปากเสียงถึงขั้นชกต่อยมานานแล้ว รวมทั้งยังเคยมีเรื่องถึงขั้นขึ้นโรงพักมาแล้ว 4 คดีด้วยกัน ยืนยันว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้น กลุ่มของตนเองไม่เคยเป็นคนเริ่ม

วงจรปิดเผยนาทีแก๊งโจ๋ ขี่ จยย. ไล่ตามยิงคู่อริ

ผู้สื่อข่าวได้กล้องวงจรปิดก่อนเกิดเหตุ ช่วงเวลาประมาณ 02.00 น.และหลังเกิดเหตุ ช่วงเวลา 02.26 น. โดยกล้องวงจรปิดตัวที่ 1 จุดกลับรถตลาดดวงพลอย ถนนลาซาล จะเห็นรถฟอจูนเนอร์ดำของผู้ตายกำลังกลับรถ และ กลุ่มคนร้าย 13 คน ขี่รถจักรยานยนตร์  7 คัน ไล่ไปถึงสามแยกลานซาล ก่อนจะควักปืนยิงตามภาพที่ปรากฏ

ต่อมาหลังกระหน่ำยิง พบว่ากลุ่มคนร้ายพากันหลบหนี ไปคนละทิศละทาง ซึ่งกล้องตัวที่ 2 ภายในซอยศรีด่าน 3 ตัดแบริ่ง 66 เวลา 02.26 น. พบกลุ่มคนร้าย จำนวน 6 คน รถ 3 คัน หลบหนีมายังซอยนี้ โดยเลี้ยวมุ่งหน้ายังซอยแบริ่ง 58/6

กล้องตัวที่ 3 รับกับกล้องที่ 2 เวลา 02.27 น. จะเห็นกลุ่มคนร้ายขับผ่านไป และกล้องตัวที่ 4 ในซอยแบริ่ง 58/6 แยก 2 จะจับภาพคนร้าย 2 คน ขี่ผ่านกล้องหนีไป มุ่งหน้ายังซอยแบริ่ง 58/6

เมีย "ต่าย คอลาย" เล่าปมขัดแย้ง

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดบุญรอดธรรมธาราม ซอยสุขุมวิท 62 ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีศพของนายเจษฎา หรือ “ต่าย คอลาย” ได้พบกับ นางรัศมี เกษร ภรรยาของนายเจษฎา เล่าว่า วันเกิดเหตุสามีมารับตนเองที่ทำงาน ซึ่งตนเองรู้สึกใจคอไม่ดีผิดปกติ คิดว่าจะไม่ออกไปไหน แต่จู่ๆ สามีก็บอกว่าจะออกไปร้านของรุ่นน้องซึ่งเปิดร้านใหม่ ตนเองจึงบอกขอตามไปด้วยเพื่อที่จะคอยไปควบคุมสามี

พอไปถึงก็ไปนั่งในร้านกันตามปกติ สามีก็เจอเพื่อนเจอคนรู้จักทักทายกัน รวมถึงนายเฮิร์ท ที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ จนร้านจะปิด สามีได้คุยกับนายเฮิร์ท ซึ่งตอนนั้นตนเองเห็นว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ ขี่รถจักรยานยนต์มาวนเวียน และกวักมือเรียกท้าทายนายเฮิร์ท ตนเองเห็นท่าทีของสามีจึงปรามว่าอย่าไปยุ่งเรื่องของเขา เรามีครอบครัวมีคนข้างหลัง แต่สามีกลับบอกว่า “จะช่วยรุ่นน้อง” ก่อนที่สามีจะเดินข้ามถนนไปปัสสาวะ แล้วกลับมาดื่มอีกหนึ่งแก้ว ตนเองก็พยายามนจับตามองสามีไม่ให้คลาดสายตา

จนต่อมากลุ่มคู่กรณีนายเฮิร์ท วนรถกลับมา และตัวนายเฮิร์ท ก็วิ่งออกไป ตอนนั้นตนเองไม่เห็นสามีแล้ว จนมีคนมาบอกว่าสามีไปกับนายเฮิร์ท ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่รถจักรยานยนต์ 4 คัน ขี่ตามประกบ  ตนเองจึงรีบมาบอกเจ้าของร้าน เพราะขณะนั้นรู้สึกว่าสามีไม่ปลอดภัยแล้ว แต่ตนเองตามไปไม่ได้กุญแจอยู่กับสามี ผ่านไปไม่นาน นายเฮิร์ท ก็ขับรถกลับมาบอกว่าสามีถูกยิง ตนเองจึงไปเปิดรถประคองหัวสามี แล้วกลุ่มคู่กรณีก็ขี่กลับมา และยิงอีกหลายนัดที่หน้าร้าน นายเฮิร์ท และคนอื่นๆ ก็หลบไปในร้าน เหลือเพียงแค่ตนเอง ซึ่งตอนนั้นไม่กลัวความตาย เพราะต้องการพาสามีไปโรงพยาบาล

ยอมรับโกรธนายเฮิร์ท พาสามีไปตาย

นางรัศมี ยังกล่าวต่ออีกว่า ส่วนตัวโกรธนายเฮิร์ท มาก ที่พาสามีตนเองไปเสียชีวิต โดยนายเฮิร์ท กลับมาขอโทษ ว่าไม่น่าพาสามีของเธอไป แต่ส่วนตัวมองว่าคำพูดของนายเฮิร์ท ดูสวนทางกับการกระทำ เพราะถ้าหากตอนนั้นที่ถูกคู่กรณีมาท้าทาย นายเฮิร์ท ไม่ตามไป หรือขับรถกลับไปที่บ้านเพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย สามีของเธอคงไม่ถูกยิงจนเสียชีวิตแบบนี้

สามีของเธอซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวมาเสียชีวิตกับเหตุการณ์ที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนเริ่ม เธอก็ไม่รู้จะใช้ชีวิตยังไงต่อไป เพราะทุกอย่างที่วางไว้มันพังทลายลงมาหมด  โดยตอนที่เธอไปรับศพก็ได้มีการจุดธูปบอกสามีว่า ด้วยความที่เขาเป็นคนอาฆาตแค้นไม่ยอมคน ก็ขอให้สามีของเธอไปตามจับคนร้ายให้ถูกดำเนินคดีให้หมด ไม่ใช่เอาแค่คนยิงแต่เอาทุกคนที่มีมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้

ชมคลิป