จุกอก พ่อไม่กล้าบอกลูก ก่อนวันสอบ แม่ถูกกระสุนมืด เจาะเข้าไหล่ทะลุหัวใจดับ
สุดเศร้า พ่อไม่กล้าบอกลูก ก่อนวันสอบ รอกลับโรงเรียนถึงให้รู้ หลังแม่ถูกกราดกระสุนเจาะไหล่ขวาทะลุหัวใจเสียชีวิตกลางวงข้าว
จากกรณีเกิดเหตุชายคลุ้มคลั่ง คือ นายกรกกต หรือ พีม มีอาการเมาอาละวาด และใช้อาวุธปืนยิงรอบบ้านพักไปมั่วซั่วจนเป็นเหตุทำให้ น.ส.ชมภู่ อายุ 44 ปี หญิงสาว ที่นั่งทานข้าวอยู่กับเพื่อน บริเวณซุ้มข้างร้านขายของชำในละแวกบ้านผู้ก่อเหตุ ถูกคมกระสุนเจาะเข้าที่หัวไหล่ขวา พุ่งทะลุเข้าหัวใจ ถึงแก่ความตาย โดยเหตุเกิดที่ ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เมื่อช่วงเวลา 21.30 น. ของวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา และสามารถจับกุมตัวคนร้ายที่คลุ้มคลั่งได้แล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 2 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงพัก สภ.ตาคลี พบว่า นายกรกกต หรือ พีม ผู้ก่อเหตุ ยังคงอยู่ในห้องขัง ซึ่งยังไม่สามารถนำตัวออกมาสอบปากคำได้ เนื่องจากตอนที่จับกุมตัว เจ้าตัวมีอาการเมาอย่างหนัก จนพูดจาไม่รู้เรื่อง จึงต้องรอให้มีอาการดีขึ้นก่อนจะนำตัวมาสอบปากคำ แต่ในเบื้องต้น ทราบว่า นายกรกกต มีอาการมึนเมาจากการเสพกัญชาและเหล้า จนอาละวาดคลุ้มคลั่ง
นอกจากนี้ ที่โรงพักยังพบกับนางอิง อายุ 72 ปี แม่ของนายกรกกต เดินทางมาให้ปากคำกับตำรวจ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเอาผิดในคดีเก่าที่เคยแจ้งจับลูกชายอาละวาดพังบ้านมาแล้วหลายครั้ง พร้อมกับยืนยันว่า ให้ตำรวจดำเนินคดีกับลูกชายให้ถึงที่สุด จะไม่ให้การช่วยเหลือหรือประกันตัวใดๆ ทั้งสิ้น เพราะที่ผ่านมา ก็ทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของลูกมานาน จนต้องหอบเสื้อผ้าย้ายหนีไปอยู่ที่อื่นนานแล้ว เพราะกลัวถูกลูกทำร้าย
นางอิง ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า นายกรกกตชายเคยเสพยาบ้าอย่างหนัก จนมีอาการจิตเวชต้องเข้ารับการรักษา แต่ก็อยู่รักษาตัวได้เพียงแค่ 20 วันออกมา ก็หันไปเสพกัญชาและดื่มเหล้าอย่างหนัก เวลาเมาก็จะเกิดอาการอาละวาดทุบทำลายข้าวของภายในบ้านทุกครั้ง จนตนเองและสามีอยู่บ้านกันไม่ได้ ต้องย้ายออกไปอยู่ที่อื่น ปล่อยให้ลูกอยู่บ้านเพียงคนเดียว ซึ่งตนและสามี ก็จะแวะเวียนมาดูบ้านเป็นบางครั้งเท่านั้น
ส่วนก่อนเกิดเหตุเมื่อวานนี้ ตนและสามีก็เพิ่งจะแวะมาดูบ้าน ในช่วงหัวค่ำ พอเห็นลูกเริ่มมีอาการเมาอาละวาด ก็รีบพากันออกจากบ้านไปตอน 2 ทุ่ม ซึ่งห่างจากเวลาเกิดเหตุสลดไปเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น หากตนและสามียังอยู่ในบ้าน คงได้กลายเป็นศพเพิ่มแน่
นางอิง ระบุต่อไปว่า ปืนที่ลูกชายใช้ก่อเหตุ เป็นปืนที่ลูกซื้อมาจากทางออนไลน์นานแล้ว โดยเจ้าตัวได้นำรถเก๋งไปจำนำ แล้วสั่งซื้อปืนเอามาเก็บไว้ภายในบ้าน ส่วนตนมีอาชีพทำธุรกิจ เป็นห้องแถวเปิดเช่าอยู่บริเวณปากทางเข้าบ้าน แต่ก็เจ๊งไปนานมากแล้วเช่นกัน โดยที่เจ๊งบ๊งนั้น ก็ไม่ใช่อะไร แต่เป็นเพราะไอ้ลูกตัวดี มันชอบเมาอาละวาดยิงปืนมั่วซั่ว จนไม่มีใครกล้ามาเช่าอยู่ เลยต้องปล่อยทิ้งร้างเอาไว้แบบนั้น
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้พบกับสามีของผู้เสียชีวิต ซึ่งเดินทางมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นกัน ได้เปิดเผยว่า ทำงานอยู่ที่ จ.ระยอง และเพิ่งทราบข่าวหลังเกิดเหตุไม่นาน จึงได้รีบเดินทางกลับบ้านมาถึงเช้าวันนี้ ส่วนผู้ตาย มีบ้านพักอาศัยอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง และก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายก็เพิ่งจะสอนการบ้านการบ้านลูกเสร็จก่อนจะขอตัวไปนั่งกินข้าวที่ร้านขายของชำของเพื่อนหญิง ซึ่งก็อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งในละแวกบ้านของผู้ก่อเหตุ แล้วก็ไปถูกยิงจนเสียชีวิต
“ผมโมโหไอ้คนยิงมากนะ เพราะทันทีที่ผมกลับมาถึงบ้าน ลูกๆ 2 คนก็ถามผมว่าแม่หายไปไหน ผมก็ไม่กล้าจะบอก โดยบอกเพียงแม่ไปเที่ยวที่อื่น เนื่องจากวันนี้ เป็นวันที่ลูกๆ ต้องไปสอบที่โรงเรียน จึงไม่อยากให้เขาเสียใจ จนกลายเป็นเสียสมาธิ จึงเก็บเอาไว้รอบอกลูกหลังจากที่กลับจากโรงเรียนแล้ว” สามีผู้เสียชีวิตกล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ร้านขายของชำของนางวชิระ อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้ตาย ให้การถึงตอนเกิดเหตุว่า ได้ยินเสียงปืนขึ้นมาหลายนัด แต่ตอนนั้น ก็คิดว่านายกรกกต ผู้ก่อเหตุ มันยิงปืนไปทางอื่น ซึ่งก็เป็นประจำที่มันชอบทำแบบนี้เวลาเมาแล้วคลั่ง ส่วนก่อนเกิดเหตุ มันก็เมาคลั่งและยิงปืนแบบนี้ มานาน 3-4 วันแล้ว แต่ก็ไม่มีใครกล้าไปแจ้งความ เพราะกลัวว่าภายหลังจะถูกนายกรกกตมันมาทำร้าย
เมื่อถามถึงผู้ตาย นางวชิระ ระบุว่า น.ส.ชมภู่ เพื่อนรักต่างวัย เขาจะมาร่วมวงกินข้าวเย็นกันที่ร้านของตนทุกวัน และตอนเกิดเหตุ เขาก็กำลังช่วยกันยกสำรับกับข้าวไปที่โต๊ะ ซึ่งในจังหวะที่เจ้าตัวกำลังคดข้าว ก็ได้มีเสียงปืนดังขึ้น 1 ครั้งก่อนที่เจ้าตัวจะส่งเสียงโหยหวนออกมาว่า “หนูถูกยิง” แล้วก็ล้มฟรุบจมกองเลือดไปเลย ซึ่งถึงแม้เจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยจะพยายามช่วยทำ CPR ให้อย่างสุดความสามารถแล้ว แต่เจ้าตัวก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหว และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา