"ติ๊ก นาวา" ในคราบโชเฟอร์ ceo ดัง อาศัยไฟไหม้คฤหาสน์หรู ฉกภาพโบราณ 120 ปี
สืบนครบาล รวบ "ติ๊ก นาวา" กลางถนนหน้า สตช. โจรแฝงตัวเป็นพนักงานขับรถให้ ceo ดัง อาศัยไฟไหม้คฤหาสน์หรู ฉกภาพโบราณ 120 ปี 4 ภาพ ขายตลาดมืด
สืบนครบาล จับกุม นายนาวา หรือ ไดรเวอร์ติ๊ก ทำทีเป็นลูกจ้าง ขับรถให้ CEO เจ้าพ่อสื่อโฆษณาชื่อดัง ก่อนอาศัยจังหวะไฟไหม้คฤหาสน์หรู ขโมยทรัพย์สินไปขายและกลับเข้าทำงานเหมือนเดิม
พฤติการณ์ของนายนาวา แฝงตัวเข้ามาทำงานเมื่อปลายปี 2565 โดยสมัครงานเข้ามาเป็นพนักงานขับรถให้กับ CEO หนุ่มชื่อดัง ช่วงแรกได้เป็นเพียงคนขับรถธรรมดา ไม่ได้มีสิทธิพิเศษเข้านอกออกในคฤหาสน์หรูย่านอุดมสุขได้ แต่ด้วยทักษะความสามารถพิเศษพูดจาหวาน ใช้เวลาเพียงปีเศษ ก็สร้างความไว้ใจจากคนในบ้านจนสามารถเข้านอกออกได้ทุกพื้นที่ภายในบ้าน
ระหว่างนายนาวาทำงานอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว คอยสอดส่องสิ่งของมีค่า จนได้พบกับสมบัติล้ำค่าคือ "พระบรมฉายาลักษณ์" พร้อมลายพระปรมาภิไธยโบราณ อายุ 120 ปี จำนวน 4 ภาพ อันเป็นมรดกตกทอดของตระกูลดัง ของเก่าสุดล้ำค่าชนิดที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้ แม้จะถูกเก็บในที่ที่มีระบบความปลอดภัยที่หนาแน่น แต่ก็ไม่ลดความพยายามของนายนาวา
กระทั่งวันที่ 4 พ.ค.67 เวลาประมาณ 14.00 น. จู่ๆ เกิดเพลิงไหม้คฤหาสน์หรูหลังนี้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ต้นเพลิงมาจากห้องควบคุมไฟฟ้า ทำให้ระบบไฟฟ้าและกล้องวงจรปิดไม่ทำงาน ผู้คนภายในบ้านชุลมุนวุ่นวายหนีเอาชีวิตรอด คนร้ายไร้ความตื่นตระหนกเข้าประกบเจ้านายทำทีห่วงใย ก่อนจะพาออกจากคฤหาสน์จนหมด
จากนั้นอาศัยจังหวะตรงดิ่งไปฉกเอาสมบัติล้ำค่าจำนวน 4 ภาพ ยกขึ้นรถตรงดิ่งไปยังตลาดมืดทันที ซึ่งหลังเกิดเหตุคนร้าย ยังคงกลับมาทำงานปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
CEO หนุ่มได้ตรวจสอบความเสียหาย พบว่า สมบัติอันล้ำค่าหายไป จึงเข้าแจ้งความที่ สน.บางนา แรกเริ่มเหมือนจะจับมือใครดมไม่ได้ กระทั่งพบเบาะแสจากตลาดมืดว่า มีพ่อค้าสะสมของเก่า ในพื้นที่ จ.ชลบุรี , นครปฐม และ นนทบุรี รับซื้อของล้ำค่าดังกล่าวไว้ในราคาทั้งหมด 100,000 บาท ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.บางนา ได้ออกหมายจับคนร้ายรายนี้
ในที่สุดวันที่ 8 ก.ค. 67 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลังชุดสืบนครบาล บุกไปจับกุมตัว นายนาวา หรือติ๊ก โดยจับกุมที่กลางถนนปทุมวัน ซึ่งในขณะจับกุมคนร้ายยังคงทำงานเป็นคนขับรถให้ CEO หนุ่มอยู่ เสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สร้างความตกใจกับ CEO หนุ่มเป็นอย่างยิ่ง
ชั้นจับกุม นายนาวา ให้การรับสารภาพว่า ได้ลักทรัพย์ของCEO หนุ่มไปจริง โดยนำภาพถ่ายพระบรมฉายาลักษณ์ไปจำหน่ายยังร้านค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้ง 4 รูป มูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท แต่ที่แท้จริงแล้ว ทรัพย์ดังกล่าวของผู้เสียหายเป็นทรัพย์ที่ได้รับการตกทอดมรดกจากรุ่นสู่รุ่น กว่า 100 ปี ซึ่งมูลค่าความเสียหายนั้น ไม่สามารถประเมินราคาได้ เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่หายากและมีมูลค่าแก่ทางจิตใจของครอบครัวและตระกูลของผู้เสียหายเป็นอย่างมาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมหรือรับของโจร ก่อนควบคุมตัว นำส่ง ส่งพนักงานสอบสวน สน.บางนาเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
นอกจากนี้จากการตรวจสอบพบประวัติต้องโทษคดีอาญาจำนวนสองคดี
1. “ข้อหาเป็นเจ้ามือ หรือ จีดให้มีการเล่นพนัน” สภ.สำโรงเหนือ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2558
2. “ข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนด ห้ามออกจากเคหสถานในเวลาที่กำหนด, ข้อหาขับรถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น”สภ.สำโรงเหนือ 18 ก.ย.2564
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ถือเป็นการเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนทั่วไป ผู้ซึ่งกำลังมองหาบุคคลากรที่จะเข้ามาทำงานไกล้ตัวหรือในบ้านของตนเอง การคัดเลือกบุคลากรที่มีประสบการณ์นั้นถือเป็นเรื่องต้องมีพิถีพิถันมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใดแล้วนั้น การเลือกบุคลากรที่มีความน่าไว้ใจและ “ซื่อสัตย์สุจริต” นั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า เช่นนั้นอาจเป็นเช่นคดีนี้ ซึ่งนายนาวาฯ ประกอบอาชีพขับรถผู้บริหารมาโดยตลอดแต่มักจะเปลี่ยนที่ทำงานบ่อยและเลือกสมัครงานในบริษัทที่ตนจะได้เป็นที่ไว้ใจเนื้อเชื่อใจของเจ้านาย จึงน่าเชื่อได้ว่าไม่ได้ทำหรือก่อเหตุเช่นนี้แค่เพียงคดีนี้คดีเดียว แต่อาจมีผู้เสียหายรายอื่นที่เคยตกเป็นเหยื่ออีกจำนวนมาก ดังนั้นผมจึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนว่าหากมีผู้ใดเคยตกเป็นเหยื่อของ “ไดรเวอร์ติ๊ก” รายนี้ โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB”