ดีเอสไอ จ่อออกหมายเรียกอีก 5 พัวพันเส้นทางการเงินหุ้น STRAK
"ดีเอสไอ" เตรียมออกหมายเรียกเพิ่มอีก 5 คดีฉ้อโกงหุ้น STRAK พบมีเส้นทางการเงินโอนเข้าบัญชี พร้อมแต่งตั้ง "พงศ์เทพ เทพกาญจนา" นั่งปธ.คณะทำงานศึกษาคดีหุ้น STARK แทน "พิชัย" ที่ขอถอนตัว หลังมีกระแสถามความเหมาะสม
10 ก.ค. 2567 นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงยุติธรรมฝ่ายการเมือง พร้อมด้วย พ.ต.อ.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) , นายวิทยา นีติธรรม โฆษกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีผู้ต้องหาในคดีหุ้น STRAK
พ.ต.อ.ยุทธนา ระบุว่า หลังจาก "ดีเอสไอ" คุมตัว นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตผู้บริหารบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่หลบหนีไปอยู่ที่สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และถูกคุมกลับมาดำเนินคดีเมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นผู้ต้องหาคนสุดท้ายในคดีที่อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง 11 คน
นอกจากนี้ "ดีเอสไอ" ตรวจสอบพบเส้นทางการเงินที่ผู้ต้องหาถูกจับกุม และอยู่ในเรือนจำ พบว่า โอนเงินเข้าข่ายการฟอกเงินไปยัง 7 คน จำนวนกว่า 380 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 คน จาก 7 เป็นผู้ต้องหาเดิม และอีก 5 คน ที่เป็นคนใหม่ ซึ่งจะเร่งรวบรวมหลักฐานและออกหมายเรียก คาดไม่เกิน 2 สัปดาห์ จะสามารถทยอยออกหมายเรียกได้
เมื่อถามว่า 5 คนที่รับฟอกเงิน มีความสัมพันธ์กับผู้ต้องหาทั้ง 11 อย่างไร พ.ต.อ.ยุทธนา กล่าวว่า ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ แต่พบว่า เป็นคนรับโอนเงินจากผู้ต้องหาคดีนี้ ในช่วงที่มีการกระทำความผิดและหลังกระทำความผิด ยังไม่พบโอนเงินไปต่างประเทศ ส่วนเงินดังกล่าวจะเป็นเงินที่ได้จากการ โกงหุ้น STARK หรือ เป็นเงินอะไรนั้น ต้องรอให้มาชี้แจงก่อน
ส่วนที่ผู้เสียหายยื่นร้องกรณี นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ผู้ต้องหาในคดีนี้ ไปพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ อธิบดี ดีเอสไอ แจ้งว่า ล่าสุดทราบว่า กลับมาพักรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมาเวลา 21.00 น.
ส่วนกรณี "ดีเอสไอ" มีความเห็นสั่งฟ้อง นายชินวัฒน์ อัศวโภคี อดีตกรรมการ STARK แต่อัยการมีความเห็นไม่สั่งฟ้อง นั้น หากผู้เสียหายมีหลักฐานเพิ่มเติมเป็นหลักฐานใหม่มายื่นกับ "ดีเอสไอ" ได้ เราก็จะรับไว้พิจารณาเช่นกัน
ด้าน โฆษก ปปง. กล่าวว่า คดีหุ้น STRAK ยึดทรัพย์ไปแล้ว กว่า 3,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกโกงไป โดย ปปง. ประกาศให้มีการยื่นขอคุ้มครองสิทธิ์ผู้เสียหายไปแล้ว มีผู้มายื่นขอรับการคุ้มครองรวมทั้งสิ้น 4,724 ราย แบ่งเป็นสามกลุ่ม คือ กลุ่มหุ้นกู้, หุ้นเพิ่มทุน, หุ้นสามัญ มูลค่าความเสียหายตามคำร้องที่มีการยื่นเข้ามา 15,900 ล้านบาท
สำหรับผู้เสียหาย จำนวน 4,724 ราย ที่มาลงทะเบียน ทาง ปปง. คาดว่า น่าจะเป็นจำนวนของผู้เสียหายทั้งหมด แต่ถ้าหากมีผู้เสียหายเพิ่มมากขึ้นเป็นจำนวนมาก ก็อาจจะพิจารณาประกาศยื่นขอคุ้มครองสิทธิ์ผู้เสียหายอีกครั้ง
หลังจากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการธุรกรรม เพื่อมีมติยื่นเรื่องไปยังพนักงานอัยการ และให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องต่อศาลฯ ขอให้มีการคุ้มครองสิทธิ์ผู้เสียหายที่ได้ยื่นขอคุ้มครองสิทธิ์
ส่วนมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 15,900 ล้านบาท แต่ ปปง.สามารถตามยึดทรัพย์กลับมาได้แค่ 3,000 กว่าล้านบาทนั้น โฆษก ปปง. ชี้แจงว่า คดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งกว่าที่ ดีเอสไอ และ ปปง. จะทราบเรื่องก็ใช้เวลา 1-2 ปี อีกทั้งกลุ่มคนที่อยู่ในเครือข่ายผู้ต้องหาเป็นคนที่มีความรู้ มีการเตรียมพร้อมมาพอสมควรในการโยกย้ายทรัพย์สินต่างๆ แต่ยืนยันว่า ขณะนี้ ปปง. อยู่ระหว่างการติดตามทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด
สำหรับก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติ แต่งตั้งให้ นายพิชัย นิลทองคำ อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลาย เป็นประธานคณะทำงานพิเศษเพื่อศึกษาแผนประทุษกรรมกรณีหุ้น STARK แต่มีกระแสถามถึงความเหมาะสม นั้น
ล่าสุด นายพิชัย ยื่นขอถอนตัวจากการเป็นประธานคณะทำงานชุดดังกล่าว เนื่องจากเพื่อให้เกิดความสบายใจของผู้แต่งตั้งและคณะทำงาน ไม่ให้เกิดข้อครหา และได้แต่งตั้ง นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานคณะทำงานแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายพิชัย ถูกตั้งคำถามความเหมาะสม เนื่องจาก เป็น 1 ในผุ้ถือหุ้นในบริษัท เมย์พลัส ไมนิ่ง แอนด์ เคมิคอล จำกัดร่วมกับนาย วสันต์ จาวลา หนึ่งในผู้ต้องหาคดีปั่นหุ้น MORE ที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษ และถูก ปปง.มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินจำนวน 159.74 ล้านบาท ทำให้เกิดคำถามว่า นายพิชัยมีความเหมาะสมในการนั่งตำแหน่งประธานคณะทำงานศึกษาคดีหุ้น STARK หรือไม่