แฉ "อาหลง" คนจีนคุมบ่อน สั่งลูกน้องรุมยำคนไทย แต่ตำรวจเข้ามาแทรกแซงคดี
แฉ "อาหลง" คนจีนคุมบ่อน สั่งลูกน้องรุมยำคนไทย แต่มีตำรวจเข้ามายุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ด้าน ผกก.พญาไท ชี้แจง ดำเนินคดี 2 ฝั่ง ยัน ไม่มีบ่อนจีนเทา
จากกรณีมีการแชร์ข้อความ "อาหลง" คนจีนคุมบ่อนภายในร้านซีฟู้ด ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สั่งการให้ลูกน้องคนจีน 4 คน รุมทำร้ายผู้เสียหายชาวไทย ด้วยการเตะจนซี่โครงหัก และใช้ส้อมแทงศีรษะ 2 ครั้ง ที่ยับแห่งหนึ่ง ซอยเพชรบุรี 15 ต้องรักษาตัวนานร่วมเดือน สุดท้ายโดนตำรวจออกหมายเรียกฐานทำร้ายร่างกายคนจีน ส่วนคดีที่ผู้เสียหายไปแจ้งความไว้ สน.พญาไท มีตำรวจซึ่งเป็น ผกก.โรงพักแห่งหนึ่ง เข้ามาแทรกแซงคดี อ้างว่า "อาหลง" จ่ายเงินดูแล ผกก.คนดังกล่าวอยู่
ผกก.พญาไท แจงดำเนินคดี 2 ฝั่ง ยันไม่มีบ่อนจีนเทา
12 ก.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี ช่อง 22 ลงพื้นที่สอบถามข้อเท็จจริงที่ สน.พญาไท แต่ พ.ต.อ.วัชรวีร์ ธรรมเสมา ผู้กำกับ สน.พญาไท ออกไปปฏิบัติหน้าที่ จึงได้โทรศัพท์ไปสอบถาม ทาง ผกก.สน.พญาไท ให้ข้อมูลยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นพวกมาเฟีย แต่กลุ่มคนจีนกับคนไทยที่เป็นพรรคพวกกัน ทำร้านอาหารด้วยกัน แล้วมีเรื่องทะเลาะกัน หลังจากนั้นคนไทยก็มาแจ้งความ ว่าถูกกลุ่มคนจีนทำร้ายร่างกาย ส่วนคนจีนก็มาแจ้งว่าถูกคนไทยทำร้ายร่างกาย
แต่พยานหลักฐานที่ตำรวจมีจากกล้องวงจรปิด ไม่เห็นว่ามีคนจีนไปทำร้าย มีแค่หลักฐานจากกล้องวงจรปิดเห็นว่า คนไทยไปทำร้ายคนจีน ตำรวจจึงต้องเรียกฝั่งของคนไทยมารับทราบข้อกล่าวหา
ส่วนกรณีที่มีการไปให้ข่าวว่า ตำรวจไล่ให้ไปหาหลักฐานเพิ่มนั้น ผู้กำกับ สน.พญาไท บอกว่า เพราะตอนนี้หลักฐานที่มี ไม่ได้บ่งชี้ว่ากลุ่มคนจีนไปรุมทำร้ายอย่างไร เป็นคำกล่าวอ้าง อาจจะมีการทะเลาะวิวาทกันจริง แต่กล้องวงจรปิดคนจีน มีภาพหลักฐานชัดว่าเห็นคนไทยเข้าไปต่อยก่อน
ดังนั้น ข้อเท็จจริงก็เป็นไปตามพยานหลักฐานในคดีทำร้ายร่างกาย ซึ่งตำรวจก็จะดำเนินคดีให้กับทั้ง 2 ฝ่ายที่มีการแจ้งความ โดยขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งยืนยันได้ว่า ไม่มีการไปช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ส่วนกรณีข้อเท็จจริงที่ว่าเป็นกลุ่มจีนเทานั้น ผู้กำกับสน.พญาไท ก็ยืนยันว่า ไม่มีเรื่องจีนเทาเช่นกัน เป็นคนจีนที่ทำมาหากินบริสุทธิ์ และบริเวณร้านอาหารดังกล่าวไม่ได้มีการเปิดบ่อนด้วย
สำรวจร้านซีฟู้ด ชั้น 2 ลอบเปิดบ่อนพนันคนจีน?
มีคลิปหลักฐานความยาว 03.11 นาที เริ่มถ่ายตั้งแต่ปากซอยแห่งหนึ่ง ย่านอนุสาวรีย์ฯ เดินไปจนถึงร้านซีฟู้ด ด้านล่างเป็นร้านอาหารปกติ แต่ด้านบนเปิดเป็นห้องให้เล่นการพนัน และแทงสนุกเกอร์ นอกจากนี้ยังมีวงจรปิดที่จับภาพชายคนหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าเป็นตำรวจ ยศ ผกก. เดินเข้าออก มีจุดสังเกตว่าคลิปทั้ง 2 จุด คล้ายสถานที่เดียวกัน คือ พรมสีเทาที่ปูบริเวณบันไดทางเดินขึ้นชั้น 2 รวมไปถึงราวบันไดด้วย
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ร้านซีฟู้ดดังกล่าว พบว่าบริเวณชั้น 2 มีห้องคล้ายกับมีการเล่นการพนัน ส่วนร้านเปิดเป็นร้านอาหารทะเลบุฟเฟ่ต์ ให้บริการตั้งแต่ 3 โมงเย็นไปถึง 5 ทุ่ม ราคาหัวละ 499 บาท
ผู้สื่อข่าวไปสอบถามคนที่อยู่ใกล้เคียงร้านอาหาร ส่วนใหญ่ไม่ทราบรายละเอียดว่ามีบ่อนหรือไม่ เพราะร้านอาหารปิดดึก แต่ก็ไม่ได้มีลักษณะอะไรที่บ่งบอกว่าจะมีคนเข้ามาเล่นการพนัน ก็เหมือนร้านอาหารทั่วไป แต่มีข้อมูลอีกส่วน บอกว่าเคยได้ยินว่าเหมือนจะมีคนมาเล่นการพนันกันที่ชั้น 2 แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นลักษณะการเปิดบ่อนหรือไม่ เพราะไม่มีใครเคยเห็นด้วยตนเอง เป็นข้อมูลที่เขาพูดๆ กัน
เปิดปมแฉบ่อนทุนจีน ขัดแย้งธุรกิจหุ้นส่วนไทย
จากแนวทางการสืบสวน พบว่าปัญหาดังกล่าว เกิดจากการมีปัญหากันในการทำธุรกิจ เลยทำให้ทั้งสองฝ่ายทะเลาะกัน จุดเริ่มต้นมาจาก คนไทยและกลุ่มคนจีน เป็นเพื่อนกันลงหุ้นทำธุรกิจร้านซีฟู้ดด้วยกัน โดยมีคนไทยเป็นคนบริหารร้านอาหารซีฟู้ด ต่อมาพอค้าขายไม่มีกำไร กลุ่มคนจีนจึงไปขอถอนหุ้น แต่คนไทยไม่คืนให้ เลยทำให้มีปัญหาและทะเลาะกัน และยืนยันว่า จากการตรวจสอบขณะนี้ ไม่ได้เป็นกลุ่มจีนเทา เป็นคนจีนที่มาลงทุนทำธุรกิจร้านอาหาร
ส่วนกรณีที่ปรากฏคลิปถ่ายมาจากชั้น 2 ของร้านที่พบโต๊ะที่คล้ายกับมีการเล่นการพนันนั้น ก็จะต้องทำการตรวจว่า เป็นการเปิดบ่อนจริงหรือไม่ เพราะหากเป็นการเปิดบ่อนจะต้องมีคนมากกว่า 25 คนขึ้นไป ส่วนจะเข้าข่ายลักลอบเล่นการพนันหรือไม่นั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นห้องดังกล่าว เป็นลักษณะคล้ายห้องส่วนตัวที่มีเก้าอี้ 4 ตัวมีโต๊ะ1 ตัวคล้ายกับการทำไว้เพื่อลักลอบเล่นการพนันส่วนตัว
ผู้การ 1 ขีดเส้นวันจันทร์ รู้ผลสอบข้อเท็จจริงบ่อน
ด้าน พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้สั่งการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีการเปิดบ่อนหรือลักลอบเล่นการพนันจริงหรือไม่ โดยจะต้องมีความคืบหน้ามาชี้แจงต่อสังคมให้ได้ภายในวันจันทร์นี้
ส่วนข้อเท็จจริงที่อ้างว่า มีผู้กำกับการโรงพักแห่งหนึ่ง เข้ามาให้การช่วยเหลือ หรือภาพที่เดินเข้าออกในสถานที่คล้ายกับบ่อน ก็ได้ดำเนินการสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเช่นกัน
ผกก.สน.หนองค้างพลู ชี้แจง เป็นคนกลางช่วยเจรจา
พ.ต.อ. สุขสันต์ แสนสวัสดิ์ ผู้กำกับ สน.หนองค้างพลู คนที่ถูกพาดพิงและปรากฎอยู่ในคลิปวงจรปิด เปิดใจเล่าข้อเท็จจริงทั้งหมดให้ฟังว่า เป็นการขัดแย้งกันเรื่องการทำธุรกิจ จึงมีการทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกัน และยอมรับว่าตนเองรู้จักกับทั้งสองฝ่าย
ตนเองได้รับข้อมูลจากคนจีนว่า เขาถูกคนไทยที่เป็นหุ้นส่วนชื่อ อ. เป็นเจ้าของร้านซีฟู้ด ทำร้ายร่างกายขณะที่ไปเที่ยวกัน แถวๆ ซอยเพชรบุรี 15 คนจีนเลยมาร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากมีบาดแผลตามใบหน้าเต็มไปหมด ดั้งหัก หน้าแตก และมีแผลที่นิ้ว
เรื่องราวที่คนจีนเล่าให้ฟังคือ คนจีนเขาไปเที่ยวแล้วยกมือสวัสดีเจ้าของร้านซีฟู้ด อ. จากนั้นก็ถูกต่อยจนแว่นหลุด แล้วเกิดการชุลมุนกัน หลังเกิดเรื่องคนจีนเลยแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.พญาไท ส่วนเหตุผลที่คนจีนมาบอกตนเอง เพราะรู้จักกันมาก่อน เนื่องจากตนเองรู้จักกับทั้งเจ้าของร้านซีฟู้ด อ. และคนจีนที่เป็นหุ้นส่วน คือรู้จักกันหมด วันเปิดร้านซีฟู้ด ตนเองก็ยังไปร่วมแสดงความยินดีอยู่เลย เพราะร้านนี้พึ่งเปิดได้ไม่กี่เดือน
และคนจีน จริงๆ เขาจะไปร้องเรียนสถานทูต เพราะกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ตนเองเห็นว่าเป็นคนรู้จักกันหมด เลยบอกกับคนจีนให้ใจเย็นๆ เดี๋ยวจะไปสอบถามพูดคุยให้ และจะได้ไปสอบถามอาการด้วย
สำหรับวันที่ปรากฏในคลิปวงจรปิดที่เดินไปเดินมา ซึ่งตอนนั้นเจ้าของร้านคนไทย ชื่อ อ. ก็พาตนเอง เดินดูในร้าน เพราะตนเองไม่เคยขึ้นไปทางหลังร้าน ซึ่งเหมือนเป็นการพาไปดูเพื่อให้เบาะแสกับตนเองว่า ชั้น 2 เหมือนจะมีการเปิดเล่นการพนันหรือไม่
ตอนนั้นพอฟังตนเองก็ตกใจเลยแนะนำว่า ไม่ได้นะเพราะถ้าเปิดร้านอาหารแล้วมีการละเล่น จะเป็นการฟอกเงิน ต้องไปแจ้งความให้ตำรวจมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ก็เลยให้พาเดินขึ้นไปดู แต่ประตูล็อก แล้วเจ้าของร้านคนไทย ก็บอกว่าเขามีกุญแจถ้าจะดูก็เปิดให้ดูได้
ตนเองก็บอกว่าไม่เป็นไร เพราะไม่อยากไปยุ่งเกี่ยว จากนั้นก็กลับออกมา ซึ่งเจ้าของร้านคนไทย ให้ข้อมูลกับตนเองว่าคนจีนไปด่าเขา แต่คนจีนบอกว่า ผมจะไปด่าเขาได้ยังไงพูดไทยยังไม่ชัดเจน และเจ้าของผับ ก็มีพยานยืนยันว่า เจ้าของร้ายคนไทย ไปเปิดทำร้ายคนจีนก่อน
โดยหลังจากวันที่ตนเองไปที่ร้านเพื่อสอบถามแล้วนั้น ก็เหมือนเจ้าของร้านซีฟู๊ด จะไม่พอใจตนเอง หาว่าไปเข้าข้างคนจีน ซึ่งขอยืนยันว่า ตนเองไม่ได้เข้าข้างใคร เป็นเหมือนคนกลาง ที่พยายามอยากให้ทุกฝ่ายได้คุยกัน เพราะคนจีนเขาก็กลัว ไม่อยากมีเรื่อง เพราะถ้ามีเรื่องเขาอาจจะถูกส่งกลับไม่ได้ทำธุรกิจในเมืองไทยต่อ
ผกก.หนองค้างพลู เผย มีสายปริศนาโทรข่มขู่
ผู้กำกับ สน.หนองค้างพลู ยังยืนยันอีกว่า ตนเองไม่ได้เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหาโจมตีแน่นอน สามารถตรวจสอบได้ และคนจีน ก็ไม่ได้ทำธุรกิจสีเทา เพราะเขาทำธุรกิจถูกกฎหมายมากว่า 20 ปีแล้ว
และตอนนี้รู้สึกมีความกังวลใจ หลังจากเมื่อช่วงเข้าที่ผ่านมา ถูกสายปริศนา อ้างตัวเป็นทนายความ ชื่อย่อ อ. น่าจะเป็นทนายของคู่กรณีในเรื่องนี้ โทรศัพม์มาข่มขู่ด้วย
ที่มา : เนชั่นทีวี