ข่าว

"รองผู้การ อก.ภ.9" ร้องสอบวินัย "บิ๊กอัยการภาค 2" สั่งคดีผิดรอบสอง

"รองผู้การอำนวยการ ภ.9" ร้อง ปธ.ก.อ. เร่งสอบวินัย "บิ๊กอัยการ ภ.2" หลังสั่งคดีผิดรอบสอง เเก้ไขคำสั่งเดิมของตัวเองไม่ชอบ ขณะที่ " รอง ผบช.ภ.9" สั่งตรวจสอบ สภ.พัทยา กรณีขอส่งตัว ผตห. ตามคำขออัยการพัทยา

พ.ต.อ.พงศ์รัตน์ ไพพรรณรัตน์ รองผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 9 ยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ร้องเรียนกรณีอัยการผู้ใหญ่ในภาค 2 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ (กลับความเห็นโดยไม่มีอำนาจ) โดยมีการลงรับหนังสือดังกล่าว ไว้ที่ 06794 ลงวันที่ 12 ก.ค.2567 ที่ผ่านมา 

 

พ.ต.อ.พงศ์รัตน์ กล่าวว่า วันนี้มาที่สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอให้ตรวจสอบอัยการผู้ใหญ่ในภาค 2 ที่มีคำสั่งโดยไม่ชอบเป็นครั้งที่ 2 เกี่ยวกับกรณีคดีที่สั่งฟ้องตนเอง กล่าวหาว่าตนใช้ให้ผู้อื่นเบิกความเท็จ ในคดีที่ตำรวจถูกฟ้องว่า จับกุมโดยมิชอบ ยืนยันว่า คดีมาผ่าน 4-5 ปี แล้วแต่ไม่เคยเรียกตนเข้าไปแจ้งข้อหาและไม่ผ่านการสอบสวนมาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อเดือน เม.ย. ซึ่งครั้งนั้นเป็นการสั่งฟ้องโดยผิดกฎหมาย ตนเองได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับอัยการผู้ใหญ่ท่านนี้ว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งในระหว่างที่แจ้งความแล้วหรือหลังจากที่แจ้งความแล้วอยู่ในระหว่างสอบสวน

 

ต่อมาอัยการผู้ใหญ่คนดังกล่าวกลับแก้ไขคำสั่งของตัวเองที่สั่งผิดกฎหมาย ซึ่งตามกฎหมายเเละระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.2563 ข้อ10 ในกรณีที่เห็นควรกลับความเห็นหรือกลับคำสั่งเดิม ให้เสนอตามลำดับชั้นถึงอธิบดีอัยการ เพื่อพิจารณาสั่ง เว้นแต่ความเห็นหรือคำสั่งเดิมนั้นเป็นของอธิบดีอัยการให้เสนออัยการสูงสุดหรือรองอัยการสูงสุดผู้ได้รับมอบหมายเพื่อพิจารณาสั่ง

ดังนั้นจะเห็นว่าการแก้ไขของท่านไม่มีอำนาจแก้ด้วยตัวเอง แต่ต้องเสนอให้อัยการสูงสุด หรือ รองอัยการสูงสุดที่ได้รับมอบหมาย แต่ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน การสั่งคดีของอัยการผู้ใหญ่ เป็นการสั่งโดยผิดกฎหมายถึงสองครั้ง ระเบียบอัยการมีทั้งหมด 247 ข้อ ไม่มีข้อใดที่ให้อำนาจอัยการที่สั่งคดีไปแล้วและกลับคำสั่งของตัวเองได้ ต้องเสนอไปยังผู้บังคับบัญชาตามลำดับ

 

นอกจากนี้อัยการผู้ใหญ่ท่านนี้มีการเน้นย้ำให้ส่งตัวมาฟ้อง หากไม่มา ก็ขอให้มีการออกหมายจับ ซึ่งการสั่งให้ออกหมายจับ เป็นการบ่งชี้ถึงเจตนาที่กลั่นแกล้ง ยืนยันยินดีเข้าสู่กระบวนการ หากเป็นกระบวนการที่ชอบ เพราะกฎหมายให้ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ต้องหามีสิทธิที่จะสู้คดีได้อย่างเต็มที่ กฎหมายให้สอบสวนด้วยความรวดเร็วเป็นธรรม ย้ำ 4-5ปี ไม่เคยถูกสอบสวนในฐานะผู้ต้องหา แต่อยู่ๆอัยการผู้ใหญ่ใช้อำนาจโดยไม่ชอบ ผิดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 
 

พ.ต.อ.พงศ์รัตน์ กล่าวต่อว่า ขอให้ ก.อ. ตั้งคณะกรรมการขั้นมาสอบสวนวินัยโดยด่วน เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อตนและครอบครัว และองค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ องค์กรอัยการ ประชาชน พร้อมกันนี้ตนได้แนบเอกสารพยานหลักฐาน การกลับคำสั่งดังกล่าวมาด้วย 

 
สำหรับคดีที่กล่าวหาว่า ตนใช้ให้ผู้อื่นเบิกความเท็จในคดีที่ตำรวจถูกฟ้องว่า จับกุมโดยมิชอบ นั้น ในสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวคณะพนักงานสอบสวนร่วม 10 คน ร่วมกันทำการสอบสวนและมีความเห็นว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด รวมถึงพนักงานอัยการเจ้าของสำนวน อัยการอาวุโสที่ร่วมพิจารณา และอัยการจังหวัด ล้วนมีความเห็นไปในทางเดียวกันว่าไม่มีส่วนร่วมกระทำความผิด จึงไม่ได้แจ้งข้อหา เห็นควรสั่งไม่ฟ้องมาตลอด มีเพียงอัยการผู้ใหญ่ภาค 2 เพียงคนเดียว ที่สั่งขัดต่อพยานหลักฐาน

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ได้มีหนังสือจากพนักงานสอบสวน สภ.อ.พัทยา ถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เพื่อขอปฏิบัติตามคำสั่งของอัยการจังหวัดพัทยา ให้นำตัว พ.ต.อ.พงศ์รัตน์ มาเเจ้งข้อกล่าวหาสอบสวนเเละส่งพนักงานอัยการ

 

โดยพล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ รอง ผบช.ภ.9 ได้พิจารณาหนังสือจากพนักงานสอบสวน สภ.อ.พัทยาเเล้วมีคำสั่ง ให้ พ.ต.อ.พงศ์รัตน์รายงานชี้เเจง รายละเอียด พฤติการณ์ เเละมอบหมายให้กองบังคับการกฎหมายและคดี ภาค 9(บก.กค.9) ตรวจสอบขั้นตอนการดำเนินการของ สภ.อ.พัทยาว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่