ข่าว

หนุ่มร้อง จนท.ใช้บัตรปชช.ผู้บริสุทธิ์ ทำสำนวนส่งฟ้องผิดคน

17 ก.ค. 2567

ใครจะรับผิดชอบ? จนท.ทำสำนวนส่งฟ้องผิดคน ใช้บัตรปชช.ผู้บริสุทธิ์ ทำบันทึกการจับกุม จนศาลออกหมายเรียกถึง 3 ครั้ง

17 ก.ค. 2567 นายอนุสรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ได้ร้องเรียนว่า อาของตน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติด และมีหมายเรียกจากศาลถึง 3 ครั้ง โดยที่ทางอาของตนชื่อนายอำนวย บุญย่านซื่อ อายุ 54 ปี อาชีพเกษตรกร ที่อยู่ ม.6 ต.นพรัตน์ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ซึ่งไม่เคยเป็นผู้ต้องหา หรือกระทำความผิดจนถูกจับกุมในคดียาเสพติด วันที่ 15 มีนาคม 2566 แต่อย่างใด

 

 

เนื่องจากผู้ต้องหาตัวจริงนั้น คือ นายอำนวย บุญยั่นซื่อ อายุ 43 ปี นามสกุลคล้ายกับนามสกุลของอาของตน โดยนามสกุลผู้ต้องหานั้นคือ บุญยั่นซื่อ โดยไม้หันอากาศสะกดนามสกุลคำว่า บุญยั่นซื่อ แต่นามสกุลอยู่อาตน คือ บุญย่านซื่อ โดยใช้สระอาสะกดคำว่า บุญย่านซื่อ

อีกทั้งผู้ต้องหาและอาของตนนั้น อายุแตกต่างกันตั้ง 11 ปี โดยการทำสำนวนส่งฟ้องในครั้งนี้ เป็นเขตความรับผิดชอบของ สภ.หนองเสือ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ทำให้อาของตนต้องตกเป็นผู้ต้องหา ในคดียาเสพติดโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม ต้องจึงร้องเรียนมายังผู้สื่อข่าวให้ช่วยนำเสนอข่าวนี้ เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่อาของตน และลงโทษเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองเสือ ในการทำงานผิดพลาดในครั้งนี้

 

จนทำให้อาของตนตกเป็นผู้ต้องหา ทั้งที่ไม่เคยกระทำความผิดในครั้งนี้แต่อย่างใด จากการสอบถาม นายอนุสรณ์ (หลานชายผู้เสียหาย) กล่าวว่า มีวันหนึ่ง อาของตนชวนเข้าไปที่ สภ.หนองเสือ ว่ามีหมายเรียกเชิญตัวมาพอไปถึงที่ สภ.หนองเสือ พอถึงก็เข้าไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

จากนั้นทางตำรวจให้ตน และอาดูเอกสาร และถามตนมาว่าใช่อาของตนไหมที่เป็นผู้ต้องหา ตนเลยแย้งไปว่าหน้าผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมนั้นไม่ใช่อาของตน แต่บัตรประชาชนที่ผู้ต้องหาถือนั้นเป็นของอาตน ซึ่งไม่ตรงกับผู้ต้องหาเลย ตอนนั้นตำรวจก็อ้างว่าทรงผมก็อาจเปลี่ยน และผิดรูปไป และยืนยันว่าเป็นรูปบัตรประชาชนของผู้ต้องหา

 

หนุ่มร้อง จนท.ใช้บัตรปชช.ผู้บริสุทธิ์ ทำสำนวนส่งฟ้องผิดคน

 

จากนั้นต้องก็แย้งไปอีกว่า ขนาดผู้ต้องหาเซ็นรับสารภาพนั้น ก็ไม่ตรงกันโดนนามสกุล คือ บุญยั่นซื่อ แต่นามสกุลอาของตนนั้น บุญย่านซื่อ อีกทั้งชื่อเล่นของอาตนชื่อ เปีย ไม่ได้ชื่อตั้ม แต่ประการใด เหตุใดตำรวจถึงปริ้นเอกสารที่ผิดเป็นรูปบัตรประชาชนของอา แล้วให้ผู้ต้องหาถือเพื่อถ่ายรูปเพื่อทำการส่งฟ้องศาล

 

จากนั้นศาลออกหมายเรียกมา 3 ครั้ง และครั้งล่าสุดก็ไปศาลวันที่ 6 สิงหาคม 2567 ที่จะถึงนี้ ก็ไปให้การต่อที่ศาล แต่ทางตำรวจ สภ.หนองเสือ ไม่เคยเข้ามาขอโทษหรือแก้ไขในส่วนที่ตำรวจนั้นทำเอกสารผิดพลาดในครั้งนั้นเลย นิ่งเฉยเหมือนทำสำนวนเสร็จก็จบ ใครจะเดือดร้อนก็ไม่สนใจ

 

จากนั้นตนและอาก็ไปที่ สนง.คุมประพฤติ จ.ปทุมธานี เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมทาง สนง.คุมประพฤติ มีความเห็นว่าอาของตนเป็นคนละคนกับผู้ต้องหา จึงให้ไปแจ้งความที่ สภ.หนองเสือ เพื่อยื่นยันความบริสุทธิ์ของอาตนอีกครั้ง พอไปลงบันทึกแค่ศาลลจังหวัดอะไร พ.ต.ท. คนนี้ยังลงผิดจังวัดเป็นมั่วๆ เลย

 

ด้าน น.ส.สมปอง (ภรรยาผู้เสียหาย ) กล่าวว่า ตนและสามีไม่มีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายเลย เพราะเป็นเพียงชาวสวนเท่านั้น พอเจอเรื่องนี้ที่สามีตนไม่เคยทำผิดในคดียาเสพติดนั้น ตนก็รู้สึกกังวนจนนอนไม่หลับว่า สามีตนนั้นจะต้องติดคุกในคดีที่ไม่เคยกระทำผิดไหม เพราะมีหมายศาลเรียกมา 3 ครั้งแล้ว ตำรวจที่ทำเอกสารผิดก็ไม่เคยเข้ามาขอโทษหรือสำนึกผิดเลย ทั้งที่เป็นความผิดพลาดของตำรวจแท้ๆ กลับไม่มีการการแก้ไขอะไรได้เลย จนทำให้สามีตนเป็นผู้ต้องหาในคดียาเสพติด

 

ตนอยากวอนมายังสื่อมวนชน ให้ช่วยนำเสนอข่าวนี้เพื่อทวงความยุติธรรมให้สามีตน และครอบครัวด้วย เพราะถ้าหากสามีต้องติดคุกไป ตนและลูกๆ ต้องลำบากอย่างแน่นอน เพราะสามีเป็นเสาหลักของครอบครัว