ข่าว

เปิดใจนักข่าว เล่าเหตุการณ์ “เอก สายเต๊าะ” ปัดกล้อง คุกคาม ในโรงพัก

18 ก.ค. 2567

เปิดใจนักข่าว เล่าถึงเหตุการณ์ถูก “เอก สายเต๊าะ” คุกคามในโรงพัก ปัดกล้อง ทำร้าย ข่มขู่ ก่อนเข้าแจ้งความ หวั่นไม่ปลอดภัย

คุณโอ นักข่าว ให้สัมภาษณ์ เปิดใจ กรณีถูก เอก สายเต๊าะ ทำร้ายร่างกาย

18 ก.ค.2567 กรณี คุณโอ ผู้สื่อข่าว พิเศษ ถูก เอก สายเต๊าะ ทำร้ายร่างกาย ปัดกล้อง และ ข่มขู่ เหตุเกิดใน สน.ดอนเมือง เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 17 ก.ค.2567 ที่ผ่านมา โดยกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ได้ และมีการเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย

 

ล่าสุด คุณโอ ผู้สื่อข่าวพิเศษ เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นจากมาทำข่าว เอก สายเต๊าะ ช่วงเช้าวันที่ 17 ก.ค.2567 โดยเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว เอก ได้ที่ สน.ดอนเมือง ก็ไม่มีอะไร ก่อนจะพาไปพบพนักงานสอบสวน

 

เราได้สอบถามถึงเรื่องราวที่ทำให้ถูกจับเมื่อเช้า เขาได้พูดขึ้นมาว่าถ้าถามอีกคำจะตบ แต่จังหวะนั้นเราไม่คิดว่าเขาจะตบ เลยไม่ได้ระวังตัวทำให้โทรศัพท์หลุดมือ แต่ไม่ตกพื้น ตอนนั้นเราก็เราได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็ทำงานตามปกติ มีการตามไปสัมภาษณ์ที่บ้านพร้อมน้องๆสื่ออีกหลายช่อง จนเสร็จงาน

แต่เรายังไม่ได้กลับบ้าน เพราะต้องรอสัมภาษณ์ผู้เสียหายและลูกบ้านที่จะมาแจ้งความที่โรงพัก กระทั่งช่วงเวลา 19.00 น. เห็น เอก สายเต๊าะ เดินเข้ามาในสน. ด้วยความที่เราไม่ได้มีอะไรกันกับเขา ก็เลยทักเขามาทำอะไรอีก เขาก็บอกว่าจะมาเอามีดหมอจากตำรวจที่ยึดไว้ แล้วเดินไปหาพนักงานสอบสวน เราก็ยังบอกว่าพนักงานสอบสวนไม่อยู่แล้วออกเวรไปแล้ว จากนั้นเขาก็เดินมาหาเรา ที่โต๊ะที่เรานั่งประจำ

 

ตอนนั้นก็มีผู้เสียหาย และคนในหมู่บ้าน นั่งคุยกับเราอยู่ แล้วพูดกับเราเกี่ยวกับที่เราถ่ายเขาเมื่อเช้านี้ ที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้ว ลักษณะชื่นชมภาพที่ออกไปอะไรประมาณนั้นแล้วเขาก็เดินทางกลับไป

 

กระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. เศษ เห็นเขาขับรถกลับมาที่ สน.ดอนเมือง อีกครั้ง แต่ตอนนั้นคือไม่มีใครอยู่แล้วเหลือเรานั่งอยู่คนเดียว อีกห้องมีพนักงานสอบสวนที่กำลังทำงานอยู่ 2 นาย รับแจ้งความให้ประชาชนอยู่ จากนั้นเดินมาหาเรา แต่ตอนแรกไม่ได้มีการด่าทอ ยังพูดคุยกันตามปกติ สอบถามเราทำงานที่ไหน ส่งที่ไหนบ้าง เราก็ได้ตอบไปว่าเราเป็น ผู้สื่อข่าว พิเศษส่งหลายช่อง แล้วเขาก็ได้ถามถึงเรื่องทำไมเรายังไม่กลับ เราตอบไปแบบไม่ได้คิดอะไรผมไม่รู้จะรีบไปไหน ออกเวรแล้ว และก็เป็นคนดอนเมืองไม่ได้รีบกลับ ฝนข้างนอกมันตกกลับไปก็เปียก

 

จู่ๆ เขาก็พูดถึงเรื่องคลิปที่ไปออกสื่อเมื่อเมื่อกลางวันอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้มาลักษณะว่าเราไปตัดต่อคลิปวิดีโอไปทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง ไปทำให้เขาเสียหาย เราก็อธิบายให้ฟังว่าเราได้ส่งข้อมูลทั้งหมดเข้าส่วนกลางของสถานีโทรทัศน์แต่ละที่ เพื่อให้เขาไปเลือกใช้แล้วก็ไปตัดต่อเอง เขาก็ไม่ฟังกลับจะแจ้งความดำเนินคดีเรา

 

จากนั้นเขาก็เดินไปที่รถ ไปหยิบ iPad ออกมาถ่ายคลิปวิดีโอตัวเราที่นั่งอยู่ ซึ่งตอนนั้นเรารู้สึกว่าไม่ปลอดภัย  เลยพยายามที่จะนั่งให้เก้าอี้มันห่างตัวเขาออกมา ตามที่ปรากฏในคลิป เพราะเราไม่รู้ว่าเขาจะเข้ามาทำอะไร

 

เราบอกเขาว่า พี่มาถ่ายอย่างนี้ไม่ได้นะ แต่เขาบอกว่าทำไมจะถ่ายไม่ได้ทีxงถ่ายxล่ะ เราก็บอกว่าตอนนั้นผมถ่ายพี่ผมทำหน้าที่ แต่ตอนนี้ผมเป็นประชาชนทั่วไปผมไม่ได้ทำงานแล้ว มาถ่ายแบบนี้ไม่ได้ผมไม่อนุญาตนะครับ

 

เขาก็โวยวายขึ้นมาบอกมีการข่มขู่ จะไปหาเราที่บ้าน เพราะรู้ที่อยู่บ้านเราแล้ว ซึ่งตอนนั้นเราไม่คิดว่าเขาจะเอาสิ่งที่คุยก่อนหน้านี้มาข่มขู่ เรารู้สึกไม่ปลอดภัยเลยลุกขึ้นเดินหนี และยกโทรศัพท์มาแนบที่หูให้เหมือนกับเราคุยอยู่ แต่เขาก็ยังถ่ายคลิปวิดีโอเดินตามเราอยู่ตลอดเวลา

 

ตอนนั้นคิดว่าถ้าเกิดเรายังประจัญหน้าอยู่กับเขา คงจะไม่จบ เลยตัดสินใจเดินมาจุดที่ใกล้กล้องแล้วหันหลังมองไปที่ประตูกระจกของห้องพนักงานสอบสวน ที่สามารถสะท้อนมองเห็นว่าใครมายืนอยู่ข้างหลังหลังเราได้ก่อนจะปรากฏตามคลิป

 

เขาเตะมาโดนกระเป๋าคาดเอวที่เราใช้ใส่อุปกรณ์การทำงาน และถูกข้อศอกแขนซ้าย จากนั้นหันหลังใช้ท่อนแขนค้ำไปที่หน้าอกเพื่อไม่ให้เขาทำอะไรเราอีก แล้วเราก็เดินหนีหลีกเลี่ยงที่จะไม่คุยแล้ว เขาก็เลยเดินทางกลับ

 

หลักเกิดเหตุเรามองว่าเราเริ่มมีความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพราะที่ผ่านมามีการลงภาพอาวุธต่างๆในโซเชียล ทำให้เราหวาดกลัวกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น เรามองถึงความไม่ปลอดภัยของครอบครัว พ่อแม่ลูก หลาน ที่อยู่ที่บ้านเพราะเขาขู่ว่าจะไปหาที่บ้านเรา เลยตัดสินใจที่จะแจ้งความดำเนินคดีที่มาข่มขู่เรา รวมถึงคลิปวิดีโอที่เขาถ่ายไว้ เราไม่รู้ว่าเขาจะเอาไปทำอะไร

 

จึงลงบันทึกไว้ว่า หากมีการทำอะไรที่ไม่ดี ไปบิดเบือนความจริง นำไปทำให้เราเสียหาย นำไปทำให้สถานีโทรทัศน์ที่เราทำงานให้เสียหาย จะต้องใช้สิทธิ์ในการแจ้งความดำเนินคดีในเรื่อง PDPA พ.ร.บ.คอมพ์ ด้วย ส่วนเรื่องของการทำร้ายร่างกาย ไม่ติดใจเอาความ เพราะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร