เปิดพฤติกรรม "เฮียตุ้ง" สะสมอาวุธ ทำร้ายลูก-เมีย เคยรักษาอาการทางจิต | คมชัดลึก

ตำรวจใช้เวลานานกว่า 9 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 21.45 น. ของวันที่ 20 ก.ค. ต่อเนื่องจนถึงเวลา 06.00 น. ของวันที่ 21 ก.ค. เลี้ยกล่อมให้ นายบุณมา หรือ เฮียตุ้ง มอบตัว หลังก่อเหตุคลุ้มคลั่งใช้ปืนยิงสวน จนทำให้ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สน.ท่าข้าม เสียชีวิตในเวลาขณะเข้าระงับเหตุ

 

จากนั้นช่วงเช้าตรู่เจ้าหน้าที่พบร่างเฮียตุ้ง อยู่ที่บริเวณชั้นลอยของตัวบ้าน ซึ่งตำรวจเชื่อว่า เป็นการจบชีวิตด้วยตัวเอง เนื่องจากพบเลือดมีลักษณะแห้งในที่เกิดเหตุ  

ขณะที่นางเอ (นามสมมติ) คนสนิทของภรรยาผู้เสียชีวิตและอยู่บริเวณบ้านหลังเกิดเหตุ ได้โทรศัพท์หา 1 ในลูกสาวของเฮียตุ้ง พร้อมระบุว่า น้องสาวที่โดนปืนตบหัว ได้ไปหาหมอเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้แม่และน้องสาวอยู่ที่บ้านญาติ ส่วนสภาพจิตใจแม่ ตอนนี้โอเคแล้ว  

 

นอกจากนี้ลูกสาว ยังระบุว่า พ่อชอบสะสมอาวุธปืน มีอาวุธปืนจำนวน 4 กระบอก คือ ขนาด.38, ขนาด 9 มม., ขนาด 11 มม. และปืนลูกซอง พร้อมเครื่องกระสุนปืนจำนวนหนึ่งไว้ในครอบครอง โดยเชื่อว่าพ่อขาดยา เป็นไบโพลาร์ ไม่ได้รับการรักษามาประมาณ 1 ปี และมีอาการคลุ้มคลั่งอยู่บ่อยครั้ง

ส่วนนางเอ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อวานนี้ลูกสาวของเฮียตุ้งมาช่วยงานพ่อ เพราะสงสารพ่อ ต่อมาภรรยาเฮียตุ้งโทรมาบอกตนด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงว่า "ลูกสาวอยู่ในบ้านถูกปืนตบหัว มีตำรวจมาหรือยัง รถแดง ก็คือรถของเฮียตุ้ง ยังอยู่ไหม" ตนจึงตอบไปว่า "มีแล้ว" โดยตอนนั้นยังไม่เกิดเรื่อง ก่อนจะพบว่าตำรวจถูกยิง ก่อนหน้านี้ตำรวจได้ช่วยลูกสาว 2 คนของเฮียตุ้ง ให้ปีนบันไดลงมาจากชั้น 2 ของบ้านด้วย

  
นางเอ เล่าต่อว่า ภรรยาและลูกๆของเฮียตุ้งทั้งหมด ย้ายไปเช่าคอนโดอยู่ตั้งแต่เดือน พ.ค.แล้ว มีเพียงเฮียตุ้งอาศัยอยู่บ้านหลังนี้คนเดียว เนื่องจากหวาดกลัว ไม่กล้าอยู่กับเฮียตุ้ง อดทนจนทนไม่ไหว เพราะที่ผ่านมาภรรยาเคยถูกซ้อม จึงตัดสินใจย้ายหนีออกไป 

 

หลังจากนั้น เฮียตุ้งก็มักจะชอบยิงปืนขึ้นฟ้าด้วยความเครียด พร้อมตะโกนว่า "เอาเมียกูคืนมา" รวมถึงยังคิดว่าภรรยามีชู้ ชอบขโมยเงินด้วย

 

นอกจากนี้ยังทราบว่า เฮียตุ้งป่วย ต้องกินยาตลอด เคยไปรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลศรีธัญญา แต่ขอร้องภรรยาว่าอยากกลับมาอยู่บ้าน จนไม่ยอมกินยา อาการก็กำเริบหนัก