น้องเมียคลั่ง ถืออาวุธบุกขอส่วนแบ่งมรดกพี่สาว โดนส่องสาหัส
น้องเมียเมายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ถืออาวุธบุกบ้านพี่สาวขอส่วนแบ่งมรดก โดนซัลโวสวนบาดเจ็บสาหัส ญาติเผยไม่พอใจที่ได้ส่วนแบ่งน้อยกว่าพี่
23 ก.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 22 ก.ค.2567 ร.ต.อ.อดิศักดิ์ สอนบัว รอง สว.สอบสวน สภ. บ้านผือ จ. อุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก รับแจ้งเหตุ ชาย คลุ้มคลั่ง เมา ยาเสพติด อาละวาด ถือท่อนเหล็กแป๊บ บุกบ้าน พักหลังหนึ่ง ท้องที่ หมู่ 13 บ.ธาตุทรายมูล ต.หายโศก ทุบทำลายบ้าน และจะทำร้ายเจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นพี่เขยและพี่สาวแท้ๆ แต่โดนพี่เขยใช้อาวุธปืน ยิง สวนไป 3 นัด ได้รับ บาดเจ็บสาหัส ขณะจะปีนหน้าต่างเข้าไปทำร้าย
ทราบชื่อนายสะไกร อายุ 43 ปี ชาว จ.อุดรธานี หลังโดนยิงได้วิ่งไปขอความช่วยเหลือชาวบ้าน ที่อยู่ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตร แจ้งรถกู้ชีพ อบต.หายโศก มาช่วยเหลือไปส่งโรงพยาบาลบ้านผือ
ส่วนมือปืนคือ นายจำนงค์ อายุ 47 ปี เข้ามอบตัวกับผู้ใหญ่บ้านที่บ้านพัก พร้อมอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ จึงรายงานให้ พ.ต.อ.นวกฤต นวการพานิชย์ ผกก.สภ.บ้านผือ ทราบ
ทั้งนี้จากการตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ เป็น บ้านปูนชั้นเดียว มีรั้วล้อมรอบ พบประตูรั้วหน้าบ้านพัง หน้าต่างห้องนอนข้างบ้านกระจกแตกกระจัดกระจายหลายบาน และคอมเพรสเซอร์แอร์ ได้รับความเสียหาย
จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัว นายจำนงค์ ไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำ เบื้องต้นแจ้งข้อหา พยายามฆ่าผู้อื่น , มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งผู้ก่อเหตุไม่มีพฤติการณ์หลบหนี และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จึงให้ประกันตัว โดยใช้ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน 4 หมู่บ้าน
ส่วนนายสะไกร ผู้ บาดเจ็บ ถูกยิงเข้าหัวไหล่ แขน และหน้าอกด้านขวา กระสุนฝังใน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนถูกนำตัวส่งต่อไปรักษาที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี และแจ้งข้อกล่าวหา ฐานบุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังและอาวุธประทุษร้าย , ภัยสังคม ส่วนข้อหายาเสพติดต้องรอผลการตรวจเลือดจากแพทย์เสียก่อน เนื่องจากได้รับ บาดเจ็บสาหัส เป็นตายเท่ากัน
นายจำนงค์ คน ยิง เล่าว่า คนที่ถูกยิงเป็น น้องเมีย ช่วงเช้าวันนี้น้องเมียมาขู่ฆ่าตนและเมีย พอมาตอนค่ำวันนี้ น้องเมียก็ถือเหล็กแป๊บเข้ามาก่อเหตุ และมีพฤติกรรมติดยาบ้า จึงมีอาการคลุ้มคลั่ง ส่วนสาเหตุอ้างว่าเครียด ที่ได้มรดกที่ดินน้อยกว่าพี่สาว หลังจากแม่ยายตนเสียชีวิตไปเมื่อปี 2560 แต่พ่อตาก็ยังมีชีวิตอยู่ เลยจัดการ แบ่งให้ลูกๆ แต่ว่าน้องเมียไม่พอใจที่ได้น้อยกว่าพี่สาว และก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องกันมาแล้วครั้งหนึ่ง ในเรื่องมาขอแบ่งที่ดินเพิ่ม
ช่วงเช้าไปพูดกับผู้ใหญ่บ้านไว้แล้ว และก็มีการเจรจาไกล่เกลี่ย แต่เขาขู่ว่าถ้าตนและภรรยายังไม่ทำอะไรให้ ก็จะมาฆ่าตนและภรรยาเลย ช่วงเย็นก็มาอาละวาดอีกครั้ง และก็ยังถามเรื่องเดิมอยู่ตลอด โดยสติไม่อยู่กับตัว และมีอาการคลุ้มคลั่งเหมือนคนเมายาบ้า ถือเหล็กและตีรั้วเข้ามาภายในบ้านของตน ซึ่งตอนนั้นตนก็อยู่ในห้องนอนกับเมีย และได้ยินเสียงทุบทำลายหน้าต่างห้องนอนข้างบ้าน และกำลังจะปีนหน้าต่างเข้ามา หวังใช้เหล็กแป๊บทำร้ายตนและเมีย ทั้งๆที่ในบ้านก็มีพ่อของเขาอายุ 90 ปี อยู่ด้วย ตนเห็นท่าไม่ดี จึงหยิบเอาปืนมายิงใส่น้องเมียไป 3 นัด
น้องเมียหงายหลังร่วงลงจากขอบหน้าต่างบ้าน ก่อนวิ่งหลบหนีออกจากบ้านไป ตอนนั้นตนคิดว่ายังไงตนและภรรยาก็ต้องถูกเขาฆ่าแน่ๆ หากปล่อยให้เขาเข้ามาภายในบ้าน จึงยิงใส่เพื่อป้องกันตัว และคนในครอบครัวด้วย ไม่งั้นตนและคนในบ้านก็คงต้องตาย หลังก่อเหตุตนก็ได้กราบเท้าขอโทษพ่อตา ซึ่งก็เป็นพ่อของเขา ในสิ่งที่ตนทำลงไปในขณะนั้น ซึ่งพ่อตาก็เข้าใจ รวมทั้งญาติพี่น้อง และชาวบ้านด้วย
ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ สั่งซื้อมาจากเฟซบุ๊ก ในราคา 3 หมื่นบาท ไม่มีทะเบียน และซื้อมาได้ประมาณ 1 ปีแล้ว โดยวันนี้ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดของตนด้วย และช่วงเช้ายังไม่ได้ทันทำบุญใส่บาตรพระหน้าบ้านเลย และตั้งใจว่าวันนี้จะกินข้าวฉลองวันเกิดกับเมียอย่างมีความสุข แต่ก็มาเจอเรื่องแบบนี้เสียก่อน
ด้าน นางสมัย อายุ 45 ปี ภรรยาผู้ก่อเหตุ และเป็นพี่สาวของคนเจ็บ เล่าว่า คนถูกยิงเป็นน้องชายคนสุดท้อง จากพี่น้อง 8 คน เขาติเสพยาบ้าและดื่มเหล้า เป็นคนนิสัยดื้อรั้น ไม่ยอมฟังใคร จนลูกเมียหนีไม่กล้าอยู่ด้วย ส่วนสาเหตุเครียดเรื่องการแบ่งที่ดินมรดก และอยากได้ที่ดินว่างเปล่าที่พ่อเป็นคนครอบครอง รวมทั้งส่วนแบ่งเรื่องเงินประกัน ธกส.ของแม่ 2 แสนกว่าบาท ที่ตนเอามาจัดงานศพให้แม่รวม 7 วัน จนหมด เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา
ปัจจุบันพ่อของตนมีรายได้ จากการให้เช่าพื้นที่ตั้งเสาโทรศัพท์ปีละ 3 หมื่นบาท จึงทำให้น้องชายอยากมีส่วนแบ่งกับพ่อด้วย ตนรู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เสียใจที่น้องชายถูกยิงเจ็บ และสามีก็มาถูกจับ แต่ถ้าสามีไม่ทำอย่างนั้น ก็คงต้องมีคนใดคนหนึ่งในครอบครัวเสียชีวิต เพราะน้องชายตั้งใจจะมาเอาชีวิตทั้งตนและสามี แม้แต่พ่ออายุ 90 ปี เขาก็จะไม่เว้น เพราะเขาได้มรดกน้อยกว่าพี่น้องทุกคน น้องชายเคยมีเมียและลูก แต่ก็ไม่มีใครอยู่กับเขาได้ เพราะเขาเป็นคนอารมณ์ร้อน เวลากินเหล้าเมา ก็จะโวยวายตลอด แม้แต่พ่อแม่ก็ยังไม่สามารถพูดให้ได้
ขณะที่แม่นอนป่วย และก่อนจะเสีย น้องชายบอกว่า เมื่อไหร่แม่จะไปสักที รีบเสียชีวิตไปกับลูกชายของตัวเองเลย ตอนแม่มีชีวิตอยู่ น้องชายคนนี้ก็มีเรื่องกับแม่เป็นประจำ โดยน้องชายของตนมีอาการหนักแบบนี้มาแล้ว 2 ปี เพราะเสพทั้งยาและดื่มเหล้า เวลาเมาก็จะโวยวายตลอด ตนก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปราบปรามเรื่องยาเสพติดให้เข้มงวด เพราะมันเป็นเรื่องอันตราย และเป็นภัยต่อสังคม
ส่วนนายวาปี อายุ 60 ปี ลุงผู้บาดเจ็บและมือยิง เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ หลานชายเดินถือเหล็กแป๊บ เข้าไปทุบรั้วบ้าน และทุบทำลายข้าวของบ้านหลานสาว ตนได้เข้าไปห้าม และบอกหลานชายให้หยุด ยังไงเสียก็เป็นพี่น้องกัน แต่หลานชายก็กลับหันมา ถือเหล็กแป๊บไล่ทำร้าย ตนก็วิ่งหนีตาย หากไม่วิ่งหนีก็ต้องถูกหลานชายตีตายแน่ๆ ซึ่งหลานชายมีอาการคลุ้มคลั่งอาละลาด ไม่ยอมฟังความใครแบบนี้มาประมาณ 2 ปีแล้ว
สาเหตุก็เพราะยาเสพติดฤทธิ์ยา ที่ทำให้ญาติพี่น้องมาทำร้ายกัน คนที่ถูกยิงก็ต้องการที่จะทำร้ายคนก่อเหตุอยู่ตลอด หลานเขยคงจะเหลืออด จึงได้ก่อเหตุแบบนี้ขึ้น เพราะถ้าไม่ทำ ก็คงจะถูกทำร้ายร่างกาย หรือถูกฆ่าตายทั้งสองคนก็ได้ แม้แต่พ่อเขาอายุ 90 ปี ที่อยู่ภายในบ้าน ก็คงจะไม่รอด เห็นแต่ข่าวไม่คิดว่าต้องมาเจอกับญาติพี่น้องของตัวเองเลย