ดีเอสไอ เผย รับคดี "ศรีสวัสดิ์ฯ" เรียกดอกเบี้ยสูง ชั้นต้นการตรวจสอบเท่านั้น
ดีเอสไอ ชี้แจง รับคดี "ศรีสวัสดิ์ฯ" เข้าคดีพิเศษ เป็นขั้นตอนกฎหมาย ล่าสุดผู้เสียหายเหลือ 4 ราย เหตุเพราะเข้าใจผิด ขณะที่ "ธิดา" ยืนยันทำตามกฎหมาย มีคู่สัญญาชัดเจน
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชี้แจงกรณีรับคดีศรีสวัสดิ์ฯเป็นคดีพิเศษ หลังก่อนหน้านี้มีบุคคลยื่นกล่าวหา กระทำความผิดอาญาเกี่ยวกับการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราในการดำเนินธุรกิจสินเชื่อของบริษัทฯ
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้า ตัวแทนจากผู้บริหารบริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 จำกัด ยื่นหนังสือสอบถามข้อเท็จจริงและขอความเป็นธรรม หลังปรากฏภาพหนังสือราชการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ฉบับลงวันที่ 2 พ.ค. 67 เผยแพร่ผ่านช่องทางสนทนาในแอปพลิเคชันไลน์ในหลายกลุ่ม
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ทางบริษัทฯแจ้งว่า เอกสารที่เผยแพร่ข้างต้นนั้น ทำให้กลุ่มบริษัทในเครือศรีสวัสดิ์ฯ ได้รับผลกระทบในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงยังแจ้งว่า ผู้เสียหายจะมายื่นขอถอนเรื่องหลายราย เนื่องจากเข้าใจคลาดเคลื่อนและไม่ติดใจดำเนินคดี และย้ำว่า บริษัทฯ ยินดีให้ความร่วมมือ มีความพร้อมในการนำข้อมูลพยานหลักฐานเข้าชี้แจง เพื่อยันยันความบริสุทธิ์ในการดำเนินธุรกิจ
จากการตรวจสอบ พ.ต.ต.วรณัน ระบุว่า มีบุคคลกล่าวหา บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 จำกัด และที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเข้าลักษณะที่จะต้องสอบสวนเป็นคดีพิเศษ และกองคดีคุ้มครองผู้บริโภคจึงได้มีหนังสือฉบับลงวันที่ 2 พ.ค. 2567 แจ้งผู้ร้องทราบว่าได้รับกรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ อันเป็นกระบวนการยุติธรรมทางอาญาชั้นต้นตามกฎหมาย ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนสอบสวน ผู้ถูกกล่าวหายังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ตามกฎหมาย ซึ่งหลังจากนี้จะได้ทำการสอบสวนต่อไป
สำหรับประเด็นที่มีผู้มาถอนเรื่องนั้นกรมสอบสวนคดีพิเศษจะเร่งรัดตรวจสอบและดำเนินการต่อไป เบื้องต้น ทราบว่ามีผู้เสียหายคงเหลือน้อยกว่า 4 ราย และมีมูลค่าความเสียหายน้อยกว่า 500,000 บาท โดยทางกรมสอบสวนคดีพิเศษยืนยันว่า จะให้ความยุติธรรมกับทุกคนอย่างเต็มที่
ด้าน น.ส.ธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น ยืนยัน ไม่เคยเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และเมื่อคู่สัญญาทำสัญญากับบริษัทแล้ว ก็จะมีการให้เอกสารสัญญากับคู่สัญญาชัดเจนถูกต้องแน่นอน
ซึ่งสภาองค์กรผู้บริโภคระบุว่า บริษัทฯ เรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยจากผู้กู้เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เรียกเก็บในอัตราร้อยละ 24 ทั้งที่กฎหมายกำหนดไว้ที่ร้อยละ 15 นั้น ทางบริษัทฯ อ้างอิงกฎหมายที่ต่างๆกัน ตัวอย่างเช่นบางผลิตภัณฑ์อ้างอิงกฎของธนาคารแห่งประเทศไทยในส่วนของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ บางผลิตภัณฑ์ก็อ้างอิงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 982 ถึงมาตรา 986
น.ส.ธิดา กล่าวต่อว่า ทางเราประสานสภาองค์กรของผู้บริโภคเพื่อขอรายชื่อลูกค้าที่ไปร้องเรียน แต่ได้กลับมา 6 ราย จากที่อีกฝ่ายแจ้งว่า มีลูกค้าสินเชื่อกับบริษัทฯ ไปร้องเรียนจำนวน126ราย ซึ่งบริษัทฯก็ได้อธิบายลูกค้าทั้ง 6 รายนี้จนจบมีการปิดบัญชี และไม่เคบได้รับรายชื่อเพิ่มเติมอีก ปัจจุบันคงเหลืออยู่เพียง 3 รายมูลค่าความเสียหายรวมไม่เกิน 500,000 บาท ทั้งนี้บริษัทได้มีการสำรองไว้เต็มจำนวนแล้ว
ส่วนลูกค้าที่ร้องเรียนดีเอสไอจำนวน8- 9 ราย บริษัทมีการจัดส่งเอกสาร ตามความจริงข้อกฎหมายให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จนภายหลังจากที่ชี้แจงแล้ว ลูกค้าก็ถอนข้อร้องเรียนออกเป็นอันจบกัน ลูกค้าเข้าใจดี โดยบางส่วนก็ปิดบัญชีรับหลักประกันกลับไป ซึ่งในส่วนนี้เรายืนยันว่าเราแก้ไขปัญหาทุกกรณีแล้ว