ข่าว

เปิดใจหญิงใจเด็ด กระโดดเกาะฝากระโปรงรถคู่กรณี ชนแล้วหนี

25 ก.ค. 2567

หญิงใจเด็ด เปิดใจวินาทีชีวิต เหตุการณ์ที่ตัดสินใจกระโดดเกาะฝากระโปรงรถคู่กรณี ชนแล้วหนี ตอนนั้นในหัวคิดอะไรอยู่

นาทีเกิดเหตุการณ์

25 ก.ค.2567 กรณีมีการเผยแพร่คลิปที่พลเมืองดีถ่ายไว้ มีผู้ หญิง 2 คน มีปากเสียงทะเลาะวิวาทกัน ก่อนที่ผู้หญิงสวมเสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน จะกระโดด เกาะหน้ารถ ยนต์ จากนั้นผู้หญิงสวมเสื้อสีฟ้าได้ขับรถลากคู่กรณีไป ในลักษณะที่ยังเกาะหน้ารถอยู่ เหตุเกิดบริเวณ แยกวชิระ ถึง สะพานกรุงธน วันที่ 24 ก.ค.2567 ที่ผ่านมา

 

ล่าสุด คุณเปิ้ล อายุ 56 ปี หญิงที่ เกาะหน้ารถ เปิดใจกับทีมข่าวว่า ขณะนั้นกำลังขับรถยนต์ไปทำงานบริเวณหน้าโรงพยาบาล ราชวิถี จู่ๆคู่กรณีก็ได้เปลี่ยนเลนกะทันหันมาชนบริเวณท้ายรถของตน ซึ่งตนก็ได้พยายามลดกระจกเพื่อพูดคุยกับคู่กรณี แต่คู่กรณีก็ไม่ยอมหยุดรถ

ตนจึงได้ขับรถตามมาปาดหน้าเพื่อให้จอดรถ แต่คู่กรณีก็ยังไม่ยอมจอดรถ จากนั้นพอขับรถมาถึงบริเวณถนน ราชวิถี จังหวะที่การจราจรติดขัด จึงตัดสินใจวิ่งลงจากรถ เพื่อไปเคาะกระจกรถคู่กรณีหวังจะพูดคุย แต่คู่กรณีก็ยังไม่ยอมลงมาจากรถ ทำให้ตนตัดสินใจยืนขวางหน้ารถ

 

และ เกาะฝากระโปรงรถ ของคู่กรณี และตนก็ ไม่คิดว่าคู่กรณีจะขับรถต่อไปทั้ง ๆ ที่ตน เกาะฝากระโปรง อยู่ ตอนนั้นคิดว่าจะต้องเสียชีวิต เพราะกลัวรถทับ เลยตัดสินใจ เกาะฝากระโปรงรถ ไปแบบนั้น โชคดีที่ขณะนั้นมีพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์ขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามมาหลายคัน จึงสามารถชะลอความเร็วของรถคู่กรณีได้

 

จนมา ถึงแยกการเรือน รถยนต์ของคู่กรณีขับรถยนต์สะบัดตนตกจากรถ พร้อมกับฝ่าไฟแดงหลบหนีไปยังสะพานกรุงธน (ซังฮี้) ตนจึงตัดสินใจเรียกวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาส่งที่รถยนต์ที่จอดทิ้งไว้บริเวณถนนราชวิถี พร้อมกับมาแจ้งความ

 

อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายได้ย้ำว่า ไม่ได้อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แค่ต้องการให้คู่กรณีลงมาพูดคุย เพราะรถของตนก็มีประกันภัยชั้น 2 จำเป็นต้องมีคู่กรณีถึงจะสามารถเคลมได้ ถึงแม้ว่ารถของตนจะได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ตนมีรอยฟกช้ำที่บริเวณหัวเข่าทั้งสองข้าง และมีอาการปวดบริเวณซี่โครงซ้าย

 

ฝากเตือนไว้เป็นอุทาหรณ์ว่า ไม่อยากให้ใครนำพฤติกรรมของตนไปเลียนแบบ เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้ เพราะมีกล้องหน้ารถเป็นหลักฐานอยู่แล้ว

 

ทั้งนี้ ผู้เสียหายยังบอกอีกว่า จากการสังเกตลักษณะภายนอกค่อนข้างเชื่อว่าคู่กรณี น่าจะพูดคุยกันได้ด้วยดี และไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้

 

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว พนักงานสอบสวนให้ข้อมูลว่า จุดเริ่มต้นที่ชนกันเป็นพื้นที่ของ สน.พญาไท ได้ให้คำแนะนำให้ผู้เสียหายไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว ส่วนในพื้นที่ของ สน.ดุสิต ต้องแยกออกมาเป็นคนละคดี โดยในส่วนของ สน.ดุสิต จะพิจารณาดำเนินคดีทำร้ายร่างกาย และขับรถในลักษณะที่เห็นได้ว่าไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น