ข่าว

นักธุรกิจ ยื่น ปปง. ตรวจสอบธนาคารยักษ์ใหญ่ ปล่อยกู้ บ.เอกชน เป็นหนี้ร้อยล้าน

นักธุรกิจ ยื่น ปปง. ตรวจสอบธนาคารยักษ์ใหญ่ ปล่อยกู้ บ.เอกชน เป็นหนี้ร้อยล้าน

26 ก.ค. 2567

ทนายไพศาล นำนักธุรกิจด้านพลังงาน ยื่น ปปง. ตรวจสอบธนาคารแห่งหนึ่ง อนุมัติสินเชื่อปล่อยกู้ให้บริษัทอื่น แต่ตัวเองกลับเป็นหนี้ร้อยล้าน

ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ พร้อมด้วย นายวงศ์วริศ ศุภปฐวีพงศ์ นักธุรกิจด้านพลังงาน ผู้เสียหาย เข้ายื่นหนังสือถึง นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปปง. ร้องให้ตรวจสอบการปล่อยสินเชื่อแบบผิดปกติของธนาคารใหญ่แห่งหนึ่ง เนื่องจากพบว่า แค่เปิดบัญชีก็สามารถเป็นหนี้หลายร้อยล้านได้ 

นายวงศ์วริศ เล่าว่า บริษัทตนและบริษัทเอกชนเปิดบัญชีทำกิจการร่วมค้าวงเงินเข้าบัญชี 300 ล้านบาท และหมดสัญญาปลายปี 2561 ต่อมาปี 2563 บริษัทตนยื่นกู้เงินกับธนาคารอีกสถาบันเพื่อประมูลงาน แต่กลับพบว่ามีหนี้อยู่ก้อนหนึ่ง จึงสอบถามกลับธนาคารเดิม ทำให้ทราบว่าเมื่อช่วงปี 62 บริษัทคู่สัญญามาแอบกู้เงินในนามบริษัทร่วมกัน มีการปลอมแปลงเอกสารบริษัทและไม่มีใบมอบอำนาจแต่อย่างใด มีเพียงใบบันทึกข้อตกลงร่วมกู้เท่านั้น และที่ผ่านมาร่วมค้ากับบริษัทเอกชนเพียงโครงการเดียว จึงทำให้ตนเกิดหนี้และสูญเสียโอกาสในการยื่นสัมปทานต่างๆ อีกทั้งบริษัทเอกชนยังท้าทายให้ไปฟ้องเอาด้วย

นักธุรกิจ ยื่น ปปง. ตรวจสอบธนาคารยักษ์ใหญ่ ปล่อยกู้ บ.เอกชน เป็นหนี้ร้อยล้าน

ด้านทนายไพศาล กล่าวว่า บริษัทเอกชนแอบไปกู้เงินกับธนาคาร แต่เงินเข้าบัญชีบริษัทเอกชนในธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับบริษัทผู้เสียหาย แต่เป็นบริษัทย่อยในธุรกิจที่มีธนาคารดังกล่าวถือหุ้นส่วนอยู่ เข้าตำรา "อัฐยายซื้อขนมยาย" หรือไม่ โดยบริษัทผู้เสียหายไม่ทราบจนเป็นหนี้หลักร้อยล้านบาท ถูกหลอกทำให้ติดเครดิตบูโร เสียโปรไฟล์ในการยื่นสัมปทานต่างๆ  พร้อมตั้งคำถามว่า ธนาคารปล่อยกู้อนุมัติสินเชื่อเป็นร้อยล้านบาทง่ายเกินไปหรือไม่ เพราะมีการปลอมตราประทับบริษัทผู้เสียหาย รวมทั้งไม่มีลายเซ็นผู้เสียหาย หรือสโลแกน เปิดบัญชีผิด ชีวิตเปลี่ยน เป็นหนี้ไม่รู้ตัว แต่ขณะที่เมื่อเป็นประชาชนทั่วไปยื่นขอกู้ธนาคารแสนลำบาก อ้างคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์ จึงต้องไปพึ่งพวกแก๊งหมวกกันน็อคจนมีปัญหาสังคมตามมามากมาย 

 

ทนายไพศาล ยังบอกด้วยว่า ยังมีผู้ประกอบการอีกหลายรายถูกธนาคารดังกล่าวกระทำ มูลค่าความเสียหายหลักหมื่นล้านบาท แต่ไม่มีใครกล้าออกมานำเสนอ ดังนั้นฝากถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศ ช่วยตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย ขณะนี้มีการฟ้องร้องอยู่ในชั้นศาล 4-5 คดี