25 ก.ค. 2567 เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ตได้สั่งการให้ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.กมลา จ.ภูเก็ตนำกำลังชุดสืบสวนเข้าตรวจสอบและควบคุมตัว 2 ชายชาวปากีสถานที่บ้านพักใน ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุอาชญากรรมในพื้นที่ ต.กมลา และ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เมื่อกลางดึกวันที่ 24 ก.ค.2567 ที่ผ่านมา เพื่อนำตัวมาสอบปากคำและขยายผลเพิ่มเติมที่ สภ.กมลา
ทั้งนี้ สืบเนื่องเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.วันที่ 24 ก.ค.67 ได้มีชายชาวต่างชาติ สวมเสื้อโปโลแขนสั้นสีฟ้า นุ่งกางเกงยีนส์ขายาวสีดำ ทำทีเดินเข้ามาเลือกซื้อยาภายในร้านขายยาใน ต.กมลา อ.กะทู้ โดยได้ให้แบงค์พันกับแคชเชียร์ จากนั้นพนักงานกำลังจะทอนเงินให้ แต่ชายชาวต่างชาติดังกล่าวทำทีเปลี่ยนใจ ไม่ซื้อสินค้าแล้ว และจะขอเงินคืน
จากนั้นพนักงานได้เปิดลิ้นชักเก็บเงิน เพื่อจะหยิบแบงค์พันส่งคืน แต่ชายชาวต่างชาติกลับทำทีเปลี่ยนใจ จะซื้อสินค้าอย่างอื่นแทนพร้อมกับสร้างความสับสนให้กับพนักงานอีกครั้ง โดยใช้กลอุบายเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา รวมไปถึงการสื่อสารภาษา ทำให้พนักงานเริ่มสับสนหยิบเงินคืนให้ไป ทั้งแบงค์พันและเงินทอน จากนั้นชายชาวต่างชาติคนดังกล่าวได้เดินออกจากร้านไปอย่างใจเย็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จนพนักงานแคชเชียร์มาทราบภายหลัง เมื่อตรวจนับเงินในเครื่องเก็บเงิน และพบว่าเงินได้หายไป เมื่อมาเปิดกล้องวงจรปิดในร้าน พบว่าชายชาวต่างชาติคนดังกล่าว ได้ทำทีจะซื้อสินค้าแล้วไม่ซื้อ สุดท้ายได้เงินทอนไปอีก จากการตรวจสอบยังพบว่าชายชาวต่างชาติคนดังกล่าว ได้ก่อเหตุในลักษณะเช่นเดียวกันกับร้านขายยา โดยก่อเหตุที่ร้านมินิมาร์ทในพื้นที่ ต.กมลา อ.กะทู้อีก 1 แห่งในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยมีพฤติกรรมเหมือนกัน และได้เงินทอนไปเช่นเดียวกัน
จึงได้ประสานไปยัง สภ.ป่าตองและ สภ.ใกล้เคียง เพื่อตรวจสอบการก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้ แต่ละพื้นที่ โดยพบว่ามีการก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้ในพื้นที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ อีก 3 แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายผลสอบสวน โดยมีเพื่อนร่วมชาติเป็นคนคอยขี่รถจักรยานยนต์จอดรออยู่หน้าร้านก่อนขี่หลบหนี
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 67 ชายชาวปากีสถานคนดังกล่าวได้ก่อเหตุที่ร้านขายของแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยในครั้งนั้นทำทีจะซื้อของแล้วยื่นแบงค์ 1,000 บาทให้พนักงาน ระหว่างที่พนักงานจะทอนเงิน ชายชาวปากีสถานคนดังกล่าวเกิดเปลี่ยนใจ พนักงานจึงเอาเงินคืนให้ จนทำให้ตัวพนักงานสับสน สุดท้ายคืนเงินทั้งแบงค์พันและเงินทอนเพิ่มไปอีก และจากการขยายผลยังพบด้วยว่า เมื่อกลางเดือน มี.ค.67 ได้เกิดเหตุอาชญากรรมในลักษณะเช่นนี้ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคกลาง เช่น จ.อ่างทอง จ.พระนครศรีอยุธยาและ จ.สิงห์บุรี ชายชาวต่างชาติทำทีเข้าไปซื้อของในร้าน จังหวะที่แม่ค้าจะทอนเงินก็จะเริ่มสร้างความสับสนให้แม่ค้างง สุดท้ายเสียทั้งเงินและสินค้า
โดยคนร้ายมีลักษณะคล้ายชาวเอเชียใต้ ทำทีไปซื้อของร้านค้าในจังหวัดอ่างทอง จ่ายแบงก์ 1,000 บาท ให้แม่ค้า จากนั้นแม่ค้าก็นับเงินทอนส่งคืนให้ หลังรับเงินทอนไป ชายดังกล่าวทำทีนับเงิน แล้วโชว์ราคาสินค้าให้ดูทางมือถือ แล้วบอกว่าไม่เอาของแล้ว พร้อมกับวางเงินทอนคืนให้แม่ค้า แม่ค้าก็หยิบแบงก์พันคืนให้ ชายชาวต่างชาติรับแบงก์พันไป ก็เปลี่ยนใจบอกว่าจะเอาสินค้าอีก และทำท่าเหมือนจะคืนแบงก์พันให้แม่ค้า แต่ไม่คืน
ส่วนแม่ค้าเองก็เหมือนจะส่งเงินทอนคืนกลับไปให้ มิจฉาชีพก็หันหลังกลับไปหยิบของอีกชิ้นมาเพิ่ม แต่ซ่อนแบงก์พันเอาไว้แล้ว ตอนที่แม่ค้าเริ่มงง สุดท้ายชายชาวต่างชาติคนดังกล่าวก็บอกไม่เอาของที่ซื้อ พร้อมคืนเงินทอนในมือให้ ต่อมาก็เปลี่ยนใจบอกว่าเอาสินค้าชิ้นเดียว แม่ค้าก็หยิบเงินทอนส่งให้ ก่อนชายดังกล่าวจะออกจากร้านไป สุดท้ายชายชาวต่างชาติคนดังกล่าวได้เงินทอน และสินค้าไปโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมคนร้ายดังกล่าว
จนกระทั่งมาพบพฤติกรรมการก่อเหตุในลักษณะเหมือนกัน ในพื้นที่ท่องเที่ยว เช่น เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เมืองป่าตอง ต.ป่าตอง และ ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จนกระทั่งถูกชุดสืบสวน สภ.กมลาจับกุมตัวได้ในที่สุด ทราบชื่อภายหลังคือนายมูฮัมมัด ชาคีล (Mr. Muhammad Shakeel) อายุ 27 ปี สัญชาติปากีสถาน จากการสืบสวนตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่นายมูฮัมมัดใช้ก่อเหตุ
ทราบว่าเช่ามาจากร้าน168 คาเฟ่แอนด์เรสเทอรองท์ (168 Cafe and Restaurant) ถนนดีบุก ต.ตลาดเหนือ อ.เมืองภูเก็ต จากนั้นชุดสืบสวนจึงประสานไปยังเจ้าของร้านดังกล่าวพร้อมอธิบายให้เจ้าของร้านทราบข้อมูลและช่วยถ่วงเวลาเพื่อที่ชุดสืบสวนจะเข้าจับกุมตัว เบื้องต้นนายมูฮัมมัดอ้างว่าทำไปเพราะเมา ซึ่งก็จะได้ให้ผู้เสียหายมาชี้ตัวตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไปพร้อมกับประสานไปยังพื้นที่ที่คนร้ายเคยก่อเหตุ เพื่อแจ้งผู้เสียหายให้ทราบต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง