"บิ๊กโจ๊ก" แจงหมดเปลือก 2 ชม. เผยนาทีเผชิญหน้า "บิ๊กต่าย" ต่างฝ่ายต่างเมิน | คมชัดลึก

ภายหลัง พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) กรณีอุทธรณ์คำร้องคำสั่งให้ออกจากราชการโดยมิชอบ จากนั้นออกมาระบุว่า ตนเองใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการชี้แจงด้วยวาจาถึงรายละเอียดต่างๆอย่างหมดเปลืองแล้ว ผลออกมาอย่างไร ก็ต้องยอมรับ เพราะเป็นไปตามกฎหมาย และพระราชบัญญัติตำรวจฉบับใหม่ พ.ศ.2565 โดยหลังจากนี้ต้องรอทางคณะกรรมการมีคำวินิจฉัย และแจ้งผลกลับมา 
 

หากผลคำวินิจฉัยออกมาเป็นบวก ตนก็จะจบแค่นี้ จะไม่ฟ้องร้องดำเนินคดีกับใครทั้งสิ้นตามที่ได้เคยกล่าววาจาไว้ก่อนหน้านี้ และจะกลับเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยจะต้องเพิกถอนคำสั่งที่ให้ออกจากราชไว้ก่อน 

ส่วนหากผลออกมาเป็นลบ ตนเองยังมีสิทธิร้องศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสถานะการเป็นตำรวจและพิจารณาเพิกถอนคำสั่งให้ออกจากข้าราชการไว้ก่อน โดยจะฟ้องร้องในทุกประเด็นตามที่กฎหมายให้สิทธิ์ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถยื่นต่อศาลปกครองได้จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยออกมา ซึ่งยังไม่ทราบ แต่ทางคณะกรรมการจะส่งผลการวินิจฉัยไปยังภูมิลำเนา และจะเป็นผู้รับด้วยตนเอง 

ส่วนผลการพิจารณาจะแล้วเสร็จก่อนการพิจารณาเสนอชื่อเพื่อคัดเลือกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ในเดือนกันยายนนี้หรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ตอบว่า ไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับ ก.พ.ค.ตร.

เมื่อถามถึงบรรยากาศในการชี้แจงด้วยวาจากับคณะกรรมการตลอด 2 ชั่วโมงในวันนี้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ยอมรับว่า ได้พบ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คู่กรณี ไม่ได้มีการไหว้ทักทาย พูดคุยหรือสบตากัน เนื่องจากต่างคนต่างชี้แจง ขณะที่ทางคณะกรรมการรับฟังเพียงอย่างเดียว ไม่มีข้อซักถามเพิ่มเติม 

พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ยอมรับว่า ตลอด 4-5 เดือนที่ผ่านมารู้สึกคิดถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ส่วนตัวยังไม่มั่นใจว่าจะได้กลับหรือไม่ ตอนนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องจะได้กลับหรือไม่เท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นยังไม่คิดถึง โดยเฉพาะเรื่องที่มีโหรทำนายว่าในช่วงเดือนสิงหาคมจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำ และมีกระแสข่าวว่าตนเองจะได้เป็นรัฐมนตรีคุมสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ก็ยังไม่ทราบข่าว