ตร. บุกจับ "เนย ทุ่งครุ" วัยรุ่นฝั่งธน รับยาบ้าจากรายใหญ่ คอยกระจายส่งลูกค้า | คมชัดลึก

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.สําราญ นวลมา ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.น.8 และชุดทำงาน สว.กก.สส.บก.น.8 จับกุม นายวัชระ หรือเนย (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ที่บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งในซอยประชาอุทิศ 44 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2567 เวลา 15.00 น. หลังสืบสวนจากกลุ่มผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ฝั่งธนบุรี แล้วได้สืบสวนขยายผลถึงต้นทางยาเสพติดดังกล่าว จนทราบว่ามีเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ที่ลักลอบกระจายเสพติดในพื้นที่ราษฎร์บูรณะ-ทุ่งครุ 

โดยกลุ่มวัยรุ่นจะรวมตัวลักลอบไปรับยาเสพติดจำนวนมากมาเก็บซุกซ่อนภายในบ้านหลังดังกล่าว โดยมีนายเนย รับหน้าที่ไปรับ เก็บซุกซ่อน และส่งยาเสพติด จึงได้สืบสวนติดตามพฤติกรรมเรื่อยมา 

ต่อมาวันที่ 29 กรกฎาคม 2567 ผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม เฝ้าสังเกตพฤติการณ์ โดยจัดวางกำลังไว้โดยรอบบ้านหลังดังกล่าว พบนายเนยเปิดประตูหน้าบ้านจากนั้นได้เดินไปที่รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ คล้ายจะขับรถยนต์เก๋งคันดังกล่าวออกจากบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขอทำการตรวจค้น  พบของกลาง ยาบ้า จำนวน 1,700,000 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 1 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว 

เบื้องต้น นายเนย รับสารภาพว่า ยาเสพติดของกลางดังกล่าวมีนายโต๊ด ไม่ทราบชื่อและนามสกุล อายุประมาณ 30 ปี เป็นผู้ว่าจ้างและสั่งการให้ไปรับยาเสพติดมาจากบริเวณริม ถ.บางนา-ตราด ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และให้นำมาเก็บไว้ที่ภายในบ้านหลังดังกล่าว เพื่อรอคำสั่งจากนายโต๊ดให้กระจายส่งมอบให้กับลูกค้าต่อไป โดยได้ค่าจ้างเป็นรอบๆเท่านั้น ประมาณ 30,000-60,000 บาท ส่วนสาเหตุที่เข้ามาพัวพันยาเสพติด เนื่องจากหลังจากพ้นจากเกณฑ์ทหารมา วิ่งรถเป็นไรเดอร์เงินไม่พอใช้ประกอบกับเมียท้อง จึงตัดสินใจผันตัวส่งยาเสพติด รอบนี้ครั้งที่ 7 นอกจากนี้ยังพบว่า มีประวัติคดีครอบครองยาเสพติดและทำร้ายร่างกาย

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมแจ้งข้อกล่าวหาว่า จำหน่าย โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า และยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิด การแพร่กระจายในหมู่ประชาชน และทำการสืบสวนขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว ในข้อหา สมคบฯ ฟอกเงิน และประสานกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เพื่อดำเนินการตามมาตรการตรวจยึดทรัพย์ และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป