ทนาย ร้อง ยธ. สอบเหตุ "เสี่ยโป้" ถูกลอบแทงในคุกบางขวาง สงสัยใบสั่งจากใคร?
ทนายวิฑูรย์ ร้อง รมว.ยธ. ตรวจสอบ เหตุ "เสี่ยโป้" ถูกลอบทำร้ายหลายครั้งในเรือนจำบางขวาง หนักสุดลอบแทง โชคดีเพื่อนนักโทษเข้าช่วย พร้อมตั้งข้อสงสัยใบสั่งจากใครหรือไม่ เพราะอยู่คนละแดน
นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของเสี่ยโป้ อานนท์ เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้ตรวจสอบเรือนจําบางขวาง เนื่องจากเสี่ยโป้ ถูกนักโทษเด็ดขาด ลอบฆ่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมาหลายครั้ง โดยนายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้แทนรับเรื่อง
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ครอบครัวของเสี่ยโป้เกรงว่าจะตายคาคุก มีความกังวลใจเรื่องนี้เรื่องเดียว แต่หลังจากเกิดเหตุเดือนกุมภาพันธ์จนถึงปัจจุบัน ก็ไม่ได้โดนกระทำอะไรหนักๆอีกเลย แต่มองว่า เรือนจําบางขวาง เลือกปฏิบัติต่อนักโทษที่ถูกคุมขังในระหว่างพิจารณาคดี เสมือนเป็นนักโทษเด็ดขาด อันเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ซึ่งวันนี้มายื่นหนังสือตามสิทธิที่ควรจะได้ขั้นพื้นฐาน เพื่อให้มีการแยกขังระหว่างนักโทษที่รอการพิจารณาและนักโทษเด็ดขาด หากเรือนจำบางขวาง ถูกออกแบบมาเพื่อนักโทษเด็ดขาดก็ควรจะย้ายเรือนจำ
นายวิฑูรย์ ขอให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีที่ นายภิญโญ (สงวนนามสกุล) นำเหล็กคล้ายกรรไกร 2 ด้าน พยายามจะแทงไปที่เสี่ยโป้ จากบริเวณด้านหลัง แต่ไม่โดน เพื่อนๆเห็นเลยมาช่วย จึงเกิดคำถาม อุปกรณ์ควรจะอยู่ในห้องเก็บอุปกรณ์ และกุญแจที่ไขห้องเก็บอุปกรณ์ก็ควรจะอยู่ที่ผู้คุมเรือนจำ คนจะไขกุญแจได้ ก็ควรต้องเป็นเจ้าหน้าที่เรือนจำ แต่ลูกกุญแจกลับไปอยู่ที่นักโทษ จึงต้องการให้ตั้งกรรมการสอบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวที่นำลักษณะคล้ายกรรไกรออกมานั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร รวมถึงนายภิญโญ อยู่แดน 2 ทำไมถึงมาหาเสี่ยโป๊ที่แดน 10 ได้
จากการพูดคุยกับเสี่ยโป้โดยตรงและคุยกันล่าสุดเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ตั้งแต่อยู่ในเรือนจำมาอาจเคยมีปัญหาวิวาทกันบ้าง แต่ที่โดนแทงและที่เจอหนักๆ มีเพียง 1 ครั้ง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และคิดว่าหลังเกิดเหตุจะมีการย้ายแดน แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไร นอกจากคนก่อเหตุถูกลงโทษขังเดี่ยว และถูกย้ายเรือนจำ ก็ไม่มีการแก้ไขอะไรอีก จึงต้องออกมาตอนนี้ และจากที่พบเสี่ยโป้ ก็มีอาการเครียด กังวล แต่ไม่แสดงออกให้ทนายกังวล เสี่ยโป้เพียงแค่อยากให้มีการแยกขัง ระหว่างการพิจารณา เพราะปัจจุบันเสี่ยโป้อยู่แดน 10 ทั้งแดนมีนักโทษ 200 คน มีนักโทษระหว่างพิจารณาคดี 30 คน
ส่วนเหตุการณ์ลอบฆ่าจะมีใบสั่งหรือไม่ เท่าที่ถามเสี่ยโป้นั้น ทราบว่า นายภิญโญ คนก่อเหตุ อ้างว่า อยากให้คนในเรือนจำยอมรับ หากฆ่าเสี่ยโป้ได้ ก็จะมีชื่อเสียง เพราะเสี่ยโป้เป็นดัง แต่ทนายความและครอบครัวไม่เชื่อ ยืนยันว่า ทั้ง 2 คน ไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จึงขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงคู่กรณีมาอยู่แดนเดียวกันได้อย่างไร หลังจากนี้จะต้องทำเรื่องขอดูกล้องวงจรปิดภายในเรือนจำด้วย
นายวิฑูรย์ เปิดไทม์ไลน์การคุมขังเสี่ยโป้ เคยย้ายเรือนจำมา 3 ครั้ง ครั้งแรกถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อมาหลังศาลตัดสินจำคุก 50 ปี ในคดีชักชวนเล่นพนันออนไลน์และฟอกเงิน เสี่ยโป้ได้ย้ายไปที่เรือนจำคลองเปรม แต่มีปัญหากับนักโทษภายใน หลังจากนั้นเดือนธันวาคมปี 2566 เสี่ยโป้ จึงถูกย้ายไปที่เรือนจำกลางบางขวาง หลังถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวาง ที่แดน 10 ได้ประมาณ 3 เดือนก็ถูกลอบแทง ยืนยัน เสี่ยโป้พยายามอยู่อย่างสงบ อาจจะมีบ้างที่นักโทษเด็ดขาดรายอื่นมาหาเรื่อง แต่เสี่ยโป้ก็ไม่ยอมที่จะไปกระทบกระทั่งอาจจะมีบ้าง
ทั้งนี้เสี่ยโป้ ไม่ได้บอกกับทนายความว่า อยากย้ายไปเรือนจำไหนเป็นพิเศษ แต่ต้องการให้แยกคุมขังระหว่างนักโทษเด็ดขาด กับ นักโทษระหว่างรอการพิจารณา ซึ่งสิ่งที่เสี่ยโป้ ถูกปฏิบัติเหมือนนักโทษเด็ดขาดคือ ข้อจำกัดเรื่องการเข้าเยี่ยมได้แค่เดือนละ 1 ครั้ง และมีการจำกัดจำนวนญาติ ข้อปฏิบัติคล้ายกับนักโทษเด็ดขาด ไม่ใช่นักโทษระหว่างพิจารณาคดีด้วย และยืนยันว่าที่เสี่ยโป้ ชอบร้องเรียนผู้คุมเรือนจำ ก็เป็นการร้องตามสิทธิขั้นพื้นฐาน ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องโกหก ไม่ได้แต่งเรื่อง เพื่อที่อยากจะย้ายเรือนจำ แต่ต้องการให้แยกแดนให้ชัดเจน
ส่วนอาการป่วยไอเป็นเลือดของเสี่ยโป้ที่นั้น นายวิฑูรย์ ระบุว่า ก่อนเข้าเรือนจำหน้าเสี่ยโป้เป็นคนที่สูบบุหรี่จัด มีอาการป่วยเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เคยมีการรักษารวมถึงเคยมีแพทย์มารักษาด้วยเช่นกัน แต่ปัจจุบันได้รักษาหายขาดเป็นที่เรียบร้อย
ด้านนายสมบูรณ์ ระบุว่า จากการพูดคุยกับทนายความ เท่าที่ดูเนื้อหาแล้วไม่ได้เกินเลยจากนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและตามที่รัฐธรรมนูญบังคับใช้ ใครก็ตามที่ยังไม่ถูกพิพากษาจะถูกเรียกว่า ผู้ต้องขังระหว่าง คือ อยู่ระหว่างพิจารณา และหากตัดสินเด็ดขาดแล้วจะถูกเรียกว่าผู้ต้องขังเด็ดขาด ดังนั้นผู้ที่คดียังไม่เด็ดขาดให้ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งควรจะมีการแยกคุมขังระหว่างนักโทษระหว่างพิจารณากับนักโทษเด็ดขาด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมดำเนินการนโยบายนี้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ข้อจำกัด คือ เรือนจำที่คุมขังไม่พอ จึงไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ชัดเจนตรงตามนโยบาย100% แต่ก็ยังพยายามดำเนินการอยู่ โดยเรือนบางเรือนจำถือว่ายังมีข้อจำกัด แต่ก็เป็นไปตามมาตรฐาน ถ้าเป็นคดีระหว่างที่มีอีตราโทษสูงจะมีทั้งหมด 430คน ไม่ใช่แค่เสี่ยโป้คนเดียว ที่ผ่านเรือนจำบางขวางก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะลอบฆ่ากันเกิดขึ้น
ส่วนเรื่องที่ได้รับร้องเรียนวันนี้จะแจ้งไปที่กรมราชทัณฑ์ ให้ตรวจสอบและตอบผู้ร้องให้ได้ ถึงเหตุการณ์ที่เสี่ยโป้ถูกทำร้ายร่างกาย รวมถึงการนำกรรไกรมาใช้เป็นอาวุธในการทำร้ายร่างกายออกมาได้อย่างไร ซึ่งยังไม่กระจ่างว่า เคยเกิดขึ้นอย่างไร ก็จะใช้ดุลพินิจตรวจสอบ และตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ
ส่วนจะย้ายเสี่ยโป้ไปเรือนจำอื่นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ หากเข้าหลักเกณฑ์ เรื่องอัตราโทษ และหลักเกณฑ์อื่นๆ รวมถึงพิจารณาข้ออ้างที่ร้องเรียนมาว่าสามารถย้ายได้หรือไม่ด้วย หากระบุเหตุผลว่า เป็นเรื่องความไม่ปลอดภัย ถือเป็นเรื่องของบุคคล ไม่เกี่ยวกับสถานที่ จึงต้องขึ้นอยู่กับผู้รับผิดชอบสถานที่ที่จะต้องดูแลให้ปลอดภัย
ด้าน พ.ต.อ ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังทำพิธีเปิดมหกรรมแก้หนี้สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม ที่ จ.นครราชสีมา ว่า ตนได้สอบถามข้อมูลจากผู้บริหารเรือนจำบางขวางแจ้งมิใช่ความจริงแต่อย่างใด การย้ายจากเรือนจำคลองเปรม เนื่องจากปรับพฤติกรรมไม่ได้ เรือนจำทุกแห่งดำเนินการป้องกันการทรมาน โดยเฝ้าระวังอย่างรัดกุม เรามีพยานหลักฐานยืนยันแก้ข้อกล่าวหาได้ทุกประเด็น
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวโทรศัพท์หานายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้รับการเปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ไม่ได้มีข้อมูลนักโทษใช้อาวุธลอบทำร้ายเสี่ยโป้ แต่ที่รับรายงานมีเพียงการทะเลาะวิวาทกันภายในเรือนจำเท่านั้น และเรือนจำบางขวาเป็นเรือนจำความมั่นคงสูงมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอยู่แล้ว แต่เมื่อมีการร้องเรียนมาก็จะต้องไปตรวจสอบให้ชัดเจน ยืนยันว่า เรือนจำบางขวาง มีการแยกระหว่างนักโทษเด็ดขาดกับนักโทษระหว่างชัดเจน เสี่ยโป้อยู่เป็นแดน 10 แดนของผู้ต้องขังระหว่าง ซึ่งแยกกับผู้ต้องขังเด็ดขาดอยู่แล้ว
ส่วนจะมีโอกาสย้ายเสี่ยโป้ไปเรือนจำอื่นหรือไม่ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า การย้ายนักโทษต้องดูตามหลักเกณฑ์ว่ามีเหตุปัจจัยให้ย้ายหรือไม่ ทั้งเรื่อง พฤติการณ์ เรื่องความปลอดภัย และเหตุปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้น ว่าสิ่งที่กังวลมีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร