รวบ! "พระครูปลัด" ล่วงละเมิดสามเณร พบเหยื่อแล้ว5 ราย | คมชัดลึก

กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้อำนวยการ

สั่งการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม., พ.ต.อ.กรีธา ตันคณารัตน์, พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์, พ.ต.อ.วุฒิชัย จันโทภาส, พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์, พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล

รอง ผบก.ปคม.,และเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจับกุม พระครูปลัดปรเมษฐ์ เกษาพร ที่ ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์

ตามหมายจับของ ศาลอาญา 

 

 

โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน 

1.ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลัง ประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าคนเป็นบุคคลอื่น

2.กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม

3.กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยผู้กระทำได้กระทำโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้เด็กนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น

4. การกระทำความผิดข่มขืนกระทำชำเรา

การกระทำอนาจารซึ่งกระทำต่อเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี เป็นการกระทำแก่ผู้สืบสันดาน ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล

ผู้อยู่ในความควบคุมตามหน้าที่ราชการหรือผู้อยู่ในความปกครอง ในความพิทักษ์หรือความอนุบาล

5บังคับ ขู่เข็ญใช้ ชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือให้เด็กแสดงหรือ กระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจาร ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนหรือเพื่อการใด

สถานที่จับกุม บริเวณภายในวัดแห่งหนึ่ง ถนนพุทธมงคล ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมืองนครสวรรค์

จังหวัดนครสวรรค์

เนื่องจากกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ได้รับหนังสือร้องเรียนให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี พระครูปลัดปรเมษฐ์ ผู้ต้องหา ซึ่งปัจจุบันเป็นพระภิกษุในสังกัดวัดพุทธนิมิต จังหวัดนครสวรรค์ ประพฤติตนไม่เหมาะสม 

 

 

โดยตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงให้เรื่องดังกล่าวจึงทราบว่า พระครูปลัดปรเมษฐ์ฯ มีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศสามเณรที่อยู่ในปกครองครั้นเมื่อจำพรรษาอยู่ที่วัดธาตุทอง กรุงเทพฯ คือ เมื่อประมาณช่วงเดือนตุลาคม 2559 ถึงประมาณเดือนกรกฎาคม 2561 พระครูปลัดปรเมษฐ์ฯ ซึ่งทำหน้าที่พระพี่เลี้ยงหรือพระปกครองกลุ่มสามเณรที่มาบวชเรียนแต่กลับมีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศสามเณรที่อยู่ในความดูแลปกครองอย่างต่อเนื่อง ทั้งกระทำอนาจารและกระทำชำเราฯ 

 

 

โดยปัจจุบันพบเหยื่อแล้วกว่า ๕ ราย ซึ่งเหยื่อให้การสอดคล้องกันว่าพระครูปลัดปรเมษฐ์ฯ มักจะเรียกสามเณรที่ต้องการจะล่วงละเมิดทางเพศผ่านลำโพงของกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ในบริเวณห้องนอนของสามเณร หรือให้สามเณรที่อยู่ในปกครองไปเรียกสามเณรคนอื่นๆ จากห้องพักหรือสถานที่ต่างๆ ให้เข้าไปหาที่ห้องพักของพระครูปลัดปรเมษฐ์ฯ จากนั้นจะใช้วิธีการล่อลวงเหยื่อที่เป็นสามเณรที่ยังรู้เท่าไม่ถึงการณ์ด้วยวิธีการต่างๆ กัน เช่น ให้บีบนวดแขนหรือนวดขาแล้วสบโอกาสล่วงละเมิดทางเพศสามเณรจนตนเองสำเร็จความใคร่อยู่เป็นประจำ

 

 

ซึ่งเหยื่อบางรายโดนล่วงละเมิดต่อเนื่องแทบทุกสัปดาห์ต่อเนื่องนานนับปี และเหยื่อทุกคนที่ถูกล่วงละเมิดก็จะถูกพระครูปลัดปรเมษฐ์ฯ ซึ่งเป็นพระพี่เลี้ยงหรือพระปกครองคอยข่มขู่ว่าไม่ให้บอกผู้ปกครองหรือบอกพระรูปอื่นๆ โดยเด็ดขาด

ต่อมาวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงได้วางแผนและเดินทางไปเฝ้ารอสังเกตการณ์ เมื่อถึงเวลาประมาณ 06.30 น. ได้พบพระครูปลัดปรเมษฐ์ฯ อยู่ที่กุฏิตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ แสดงตนเป็นผู้ครอบครอง

 

ดูแลสถานที่ดังกล่าว เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงตนเข้าจับกุม และได้แสดงหมายจับให้พระครูปลัดปรเมษฐ์ฯ ดูและอ่านให้ พระครูปลัดปรเมษฐ์ฯ ฟัง โดยรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับนี้จริง และไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อน จากนั้นจึงแจ้งให้ทราบว่า จะต้องถูกจับกุมในข้อหาดังกล่าวข้างต้นพร้อมแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ เมื่อเข้าใจรายละเอียดแห่งการจับกุมตลอดสิทธิดังกล่าวดีแล้ว จากนั้นได้นำตัวส่ง

กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

จากการสืบสวนเพิ่มเติมทราบว่า พระครูปลัดปรเมษฐ์ เกษาพร มีพฤติกรรมในการล่วงละเมิดทางเพศสามเณร หรือเด็กวัดที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันบ่อยครั้ง ทั้งนี้จะได้ดำเนินการสืบสวนเพิ่มเติมว่ามีเด็กเยาวชนที่เคยตกเป็นเหยื่อเพิ่มเติมอีกหรือไม่

โดย พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. ฝากประชาสัมพันธ์แจ้งไปยังผู้ปกครองที่มีบุตรหลานซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายจากการถูกล่อลวงเพื่อล่วงละเมิดทางเพศในลักษณะเดียวกันสามารถมาร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมกับผู้ต้องหา หรือกรณีประชาชนท่านใดพบเบาะแสการกระทำความผิดในลักษณะคล้ายคลึงกันขอให้แจ้งมายัง บก.ปคม. ผ่านหมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1191 ตลอด 24 ชั่วโมง

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่า ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา