ข่าว

เปิดใจพลทหาร เล่าละเอียดยิบถึงเหตุการณ์จ่าเมา เรียกไปแดก

เปิดใจพลทหาร เล่าละเอียดยิบถึงเหตุการณ์จ่าเมา เรียกไปแดก

03 ส.ค. 2567

พลทหารเล่าหมดเปลือก ถึงเหตุการณ์ถูกจ่าเมา เรียกไปแดก ทำร้ายทารุณ พร้อมชี้เป้าตัวบุคคล จ่าสิบเอก ช. - สิบโท อ.

วันที่ 3 สิงหาคม 2567 กรณี เพจสายไหมต้องรอด โพสต์ภาพพลทหารยืนเรียงโดยเบลอภาพร่างกาย ที่คาดว่าไม่ได้สวมเสื้อผ้า พร้อมข้อความ ที่น้องสาวขอให้ช่วยเหลือพี่ชายเป็นพลทหาร ค่ายอดิศร  ม4พัน25  ฐานนอแล  เชียงใหม่ ถูกจ่าเมาบังคับให้ถอดเสื้อผ้า ทำร้ายร่างกาย ซ้อมหนักปางตาย ต่อมากองทัพบกตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วนั้น

 

ล่าสุด พลทหารหนึ่งในคนที่ถูกทำร้ายร่างกาย เล่าผ่านสื่อแห่งหนึ่ง ว่า ไปประจำที่ค่ายดังกล่าวได้ 10 เดือนแล้ว ก่อนจะเล่าว่า ตนและเพื่อนพลทหารด้วยกัน ถูกกระทำแบบนี้มาแล้วประมาณ 7 ครั้ง  ถูกทำร้ายร่างกายด้วยการเตะ ตบ ทุกครั้ง แต่ถูกกระทำสลับกัน  ส่วนการแก้ผ้าให้แก้ทั้งหมดประมาณ 3-4 ครั้งรวมครั้งล่าสุด พลทหารรายนี้เอ่ยชื่อชัดเจนเลยว่า คนที่เป็นคนทำแบบนี้คือ จ่าสิบเอก ช. และ สิบโท อ. ทั้งสองคนจะทำโทษหรือสั่งแดกในภาษาทหาร ทุกครั้งที่เมากลับมาที่ค่าย ซึ่งทุกครั้งที่เมากลับมาจะเป็นเวลาประมาณ 4-5 ทุ่ม ก่อนจะไปเรียกพลทหารทั้งหมด 10 คน ออกมาทำโทษ

ครั้งล่าสุดเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา จ่าสิบเอก และสิบโท ทั้ง 2 รายนี้ยังคงเมามา แล้วเรียกไปแดกเช่นเคย ด้วยการให้ยืนแก้ผ้าตากฝนเป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมง และครั้งนี้มีคนถูกเตะถูกต่อยทั้งหมด 4 คน อย่างตัวเองเจ็บหนัก เจ็บช้ำไปทั้งตัว เจ็บตั้งแต่ลิ้นปี่ลงไป ส่วนที่เหลือเจ็บบริเวณหลังหูทั้งสองข้าง และกรามบวมหนัก จึงมองว่าทั้งหมดนี้ทำเกินกว่าเหตุไปมาก จนตอนนี้รู้สึกไม่ไหวแล้ว อยากได้ความเป็นธรรมให้กับคำว่ามนุษย์ของตัวเองบ้าง ทุกคนล้วนมีพ่อมีแม่ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้

 

ส่วนด้านสภาพจิตใจตอนนี้ทุกคนสภาพจิตใจย่ำแย่กันหมด สาเหตุที่ทำถูกทำโทษแบบนี้ จ่าสิบเอกให้เหตุผลว่า เป็นการเค้นสอบเพื่อหาสารเสพติดในค่ายเพราะมีข่าวว่ามีการเล่นยา แต่คนทหารทั้ง 10 รายนี้ไม่มีใครยอมรับ พร้อมยืนยันว่าในค่ายไม่มีการเล่นยาอย่างแน่นอน

 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หนึ่งใน 10 พลทหารที่ถูกทำร้ายร่างกายเป็นชาวจังหวัดบุรีรัมย์ น้องสาวที่โพสต์และพ่อแม่ ไม่ขอให้ข้อมูลใดๆอีกแล้ว เกรงว่าจะส่งผลกระทบกับพี่ชาย เพราะพลทหารขอร้องให้หยุดการให้ข่าว เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นนอกจากจะมีญาติของพลทหาร ที่มีความรู้สึกสะเทือนใจและสงสารแล้ว ยังมีชาวจังหวัดบุรีรัมย์ที่ทราบข่าวต่างมีความรู้สึกที่ไม่ดีไปด้วย

 

น.ส.สุพัตรา อายุ 34 ปี แม่ค้าขายของชำ ในอ.เมือง จ.บุรีรัมย์ บอกว่า เห็นข่าวที่เขาแชร์กันแล้ว รู้สึกหดหู่ใจ ถ้าเป็นลูกเป็นหลานเราโดนกระทำแบบนี้ เราไม่อยากให้มีใครโดนกระทำแบบนี้ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ใจเขาใจเรา คนที่ถูกกระทำก็เจ็บ แม่คนถูกกระทำก็เจ็บ คนที่กระทำไม่น่าจะทำแบบนี้ เพราะคนไทยไม่ชอบความรุนแรง

 

เหตุการณ์แบบนี้ทำไมเกิดขึ้นบ่อยครั้งในค่ายทหาร คิดว่าน่าจะหมดไปแล้ว แต่ยังเป็นข่าวเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ รู้สึกไม่โอเค