ข่าว

เปิดปม อดีตจ่าทหาร อำมหิต มีดกรีด เกลือทา คาด สางแค้นให้พ่อ

เปิดปม อดีตจ่าทหาร อำมหิตรุมยำโจกท์ หักกระดูก ไฟจี้ มีดกรีด เกลือทา ด้านแม่จ่า อ้าง คนเจ็บทำร้ายสามีก่อน ลูกชายจึงสางแค้นให้พ่อ

จากกรณีอดีตจ่าทหาร และพวกรวม 3 ราย  อุ้มทำร้ายโหด ชายวัย 45 ปี โดยการหักแขน หักขา ใช่เสียมทุบ ไฟฟ้าจี้ มีดกรีดขา ก่อนใช้เกลือโรยแผลซ้ำ โดยบังคับให้เด็กชายอายุ 14 ปี ลูกชายของผู้เสียหาย นั่งดูเหตุการณ์ทั้งหมด 

 

4 ส.ค. 2567 เวลา 16.00 น. ทีมข่าวคมชัดลึกลงพื้นที่ตรวจสอบ ทราบว่าผู้เสียหายคือ นายศักดา อายุ 45 ปี อยู่ระหว่างเดินทางไปล้างแผล นายศักดา ถูกกลุ่มคนร้าย3 คน อุ้มทำร้ายร่างกาย จนขาหัก กระดูกขาซ้ายหัก โดนมีดกรีดขา เอาเกลือทา นิ้วถูกทุบ กระดูกมือขวาหัก ใบรับรองแพทย์ยังระบุ มีแผลไหม้ตามร่างกาย

 

นอกจากนี้ทีมข่าวยังทราบว่า นายสมัย (สงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี พ่อของนายหลุย์ ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวที่เกิดขึ้นรักษาตัวอยู่ที่ รพ.เมยวดี จึงโทรศัพท์ติดต่อไปยังภรรยาของนายสมัยฯ 

 

โดยภรรยานายสมัย อ้างว่า สามีของต้องมานอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเมยวดี เนื่องจากมีอาการปวดศีรษะและปวดฟันรวมถึงปวดเบ้าตามีอาการพร่ามัว อันน่าจะเกิดจากการที่ถูกนายศักดา เตะ ซึ่งสามีของตนเล่าให้ฟังว่านายศักดากับสามีของตนไปเจอกันที่ทุ่งนา แล้วนั่งดื่มเหล้าด้วยกัน สามีมีนิสัยเมื่อเหล้าเข้าปาก ก็จะเป็นคนช่างพูดแต่ก็ไม่มีพิษไม่มีภัยกับใคร

 

นายศักดา หาเรื่องสามีของตนตั้งแต่ช่วงที่ทานข้าวด้วยกัน กระทั่งสามีของตนกำลังดำนาอยู่ได้ยังไม่ถึงมัด ปรากฏว่านายศักดา ถือมีดมา 2 เล่มจะมาทำร้ายสามีของตน ทั้งคู่จึงทะเลาะวิวาทชกต่อยกัน

 

จากนั้นสามีของตนลื่นล้มก็ถูกนายศักดาฯเตะจนสลบ กระทั่งลูกชายทราบเรื่องจึงเดินทางจากกรุงเทพฯ เพื่อต้องการให้นายศักดามาขอโทษผู้เป็นพ่อ แต่นายศักดาไม่ยอมและยังท้าทายลูกชายของตน จึงเกิดเหตุการณ์ทำร้ายตามที่ปรากฏเป็นข่าว

 

ขณะเดียวกันเด็กชายวัย 13 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของนายศักดาฯ และเห็นเหตุการณ์พ่อของตัวเองถูกรุมทำร้าย เล่าว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุมีด้วยกัน 3 คน ที่ตนรู้จักคือชื่อหลุยส์กับท๊อป เพราะสองคนนี้เป็นญาติกับตน และคนทั้งสามมารับตนที่บ้านแล้วบังคับให้ตนพาไปหาพ่อที่อยู่เถียงนาท้ายหมู่บ้าน เมื่อไปถึงเถียงนาพบว่าพ่อกำลังทานข้าว

 

นายหลุยส์จึงได้เตะสำรับข้าวที่พ่อกำลังนั่งทานอยู่ จากนั้นนายหลุยส์ได้ล็อคพ่อเพื่อให้นายท็อปฯลงมือทำร้าย เพื่อนที่มากับนายหลุยส์อีกคนนึงได้ล็อคตนไว้ นายท็อปได้ใช้ไม้หน้า 3 ฟาดไปที่ขาข้างขวาทำให้ขาหัก

 

จากนั้นนายท๊อปได้ใช้คมเสียมสับไปที่บริเวณหน้าแข้งข้างซ้ายของพ่อ แล้วยังใช้มีดแทงและกรีดไปยังบริเวณบาดแผลพร้อมกับหมุนมีดคว้านบาดแผลแล้วก็นำเกลือมาโรยที่แผล

 

เมื่อรุมทำร้ายพ่อของตนจนหนำใจประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้ง 3 คนก็ได้ทิ้งให้พ่อของตนอยู่เถียงนาและพาตนมาส่งที่บ้าน จากนั้นตนจึงไปหาเพื่อนรุ่นพี่ให้พามารับเอาพ่อไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งสภาพของพ่อมีบาดแผลฉกรรจ์สาหัสมาก

นายศักดา ผู้ได้รับบาดเจ็บ เล่าว่า ปกติตนกับนายสมัยจะนั่งดื่มเหล้าด้วยกันเป็นประจำ พอเมาได้ที่ก็จะทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำ แต่ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์รุนแรงเพราะเวลาหายเมาก็ยังพูดคุยกันปกติ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้หลังจากทะเลาะกันแล้วนายสมัย คงโทรบอกลูกชายให้มาทำร้ายตน

 

แต่การที่นายหลุยส์ฯไปบังคับลูกชายของตนให้พามาหาตนที่เถียงนาและลงมือทำร้ายตนต่อหน้าลูกเป็นการบ่งบอกถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่ตนพูดไม่ได้  "ตนยอมรับว่าได้ลงมือทำร้ายนายสมัยก่อน แต่ก็ไม่ถึงขั้นรุนแรง เพราะปกติก็ทะเลาะกันเป็นประจำอยู่แล้วเหตุการณ์ที่ตนทำร้ายนายสมัย นั้น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ก.ค.จากนั้นลูกชายของนายสมัยฯกลับจากกรุงเทพฯแล้วรุมทำร้ายตนในวันที่ 30 ก.ค.

 

โดยเชื่อว่าเตรียมการไว้เป็นอย่างดีเพราะแม้แต่รถที่กลับมารับลูกชายของตนก็ถอดป้ายทะเบียนออก

 

ส่วนพี่ชาย และพี่สาวผู้บาดเจ็บ บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเกินไป โหดร้ายทารุณ อยากให้เจ้าหน้าที่ติดตามมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

 

เบื้องต้นมีการแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว บ้านหลังนี้คือบ้านพี่สาวคนโต จึงพาคนบาดเจ็บมาพักที่นี่ เพราะห่วงความปลอดภัย กลัวว่าคนร้ายจะกลับมาก่อเหตุอีก ส่วนอาการบาดเจ็บน่าห่วงที่สุดคือขาขวา กลัวจะติดเชื้อ เพราะใช้มีดกว้านโรยเกลือ

 

ทางด้าน พ.ต.ท.สมศักดิ์ ศรีชะอุ่ม สวส.สภ.เมยวดี ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีมีหมายเรียกไปยังผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คนแล้ว โดยเบื้องต้นได้ตั้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัส สำหรับข้ออื่นนั้นจะต้องรอให้มีการสอบปากคำเพื่อจะดูมูลเหตุว่าจะมีความผิดในข้อหาอื่นอีกหรือไม่ต่อไป

 

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า พนักงานสอบสวนสภ.เมยวดี ได้ออกหมายเรียกนายอัควินทร์ กิจจุบาลอายุ 27 ปี หัวหน้าทีมผู้ก่อเหตุ เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหา และขยายผลถึงเพื่อนที่ร่วมก่อเหตุอีก 2 คนต่อไป