"ดร.แหม่ม" กางปีก ขึ้นนั่งเก้าอี้"หัวหน้าพรรค" คนใหม่่
"ดร.แหม่ม นฤมล ภิญโญสินวัฒน์" กางปีกขึ้นแท่น"หัวหน้าพรรคกล้าธรรมค" เรื่องเก่าไม่ขอพูดถึงไม่ก้าวล่วง ย้ำ ไม่ใช่พรรคสำรอง
6 ส.ค.2567 เวลา 11.00 น. ที่ห้องจตุรทิศ โรงแรม โกลเด้นทิวลิป ดร.แหม่ม นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ จัดการประชุมใหญ่วิสามัญ จัดตั้งพรรคกล้าทำ ที่มี ดร.แหม่ม นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค
โดยมีวาระการประชุมสำคัญเรื่องหัวหน้าพรรคกล้าทำลาออกจากตำแหน่ง
ดร.แหม่ม นฤมล ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า หัวหน้าพรรคคนเก่าได้ลาออกไป เนื่องจากติดภารกิจส่วนตัว แต่ทางเลขาพรรคจะยังคงอยู่ และคณะกรรมการบริหารพรรคก็ยังคงอยู่
ในวันนี้ไม่มีอะไรอยากจะฝากถึงหัวหน้าพรรคเก่า จะไม่ก้าวล่วงต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเช่นกัน และให้กำลังใจทุกท่าน
กรณีที่มีกระแสข่าวบอกว่าพรรคกล้าธรรม อาจจะเป็นพรรคสำรองของร้อยเอกธรรมนัส นั้น ดร.แหม่ม เปิดเผยว่า ไม่ใช่พรรคสำรองเพราะทางคณะผู้บริหารและสมาชิกพรรคมีครบตามกระบวนการของกฎหมายที่จะต้องมีสำหรับพรรคการเมืองสาขารวมถึงสาขาพรรคในแต่ละจังหวัดตัวแทนประจำจังหวัดและสมาชิกพรรคยังมีการสมัครเข้ามาอยู่อย่างต่อเนื่อง ทีมงานมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานในเรื่องของระดับท้องถิ่น และในเรื่องของเศรษฐกิจฐานรากที่อยากจะสนับสนุนให้พี่น้องในระดับท้องถิ่นมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และขอฝากตัวเป็นทางเลือกหนึ่งให้กับพี่น้องของแต่ละจังหวัด
ส่วนที่ประชุมจัดตั้งพรรคในวันนี้มีระยะเวลาใกล้เคียงกับศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคก้าวไกลนั้น เป็นเรื่องบังเอิญ เพราะเกิดจากหัวหน้าพรรคลาออกและตามระยะเวลาจะต้องมีการเลือกหัวหน้าพรรคใหม่ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนดและการที่จะจัดประชุมใหญ่ได้ต้องแจ้งกกต.ล่วงหน้าตามกรอบเวลาของกฎหมายเช่นเดียวกัน
จึงได้จัดประชุมในวันนี้ซึ่งเป็นความบังเอิญไม่ได้มีการวางแผนใดๆที่จะเชื่อมโยงกับเรื่องใดๆทั้งสิ้นเป็นเพียงจัดการประชุมเพื่อให้งานของพรรคเดินหน้าได้
และไม่ได้มีการพูดคุยใดๆกับสมาชิกพรรคก้าวไกลรวมถึงไม่ขอออกความเห็นที่จะก้าวล่วงอำนาจศาลไม่ว่าศาลจะตัดสินอย่างไรเราจะให้ความเคารพไม่สามารถไปวิจารณ์ได้
ดร.แหม่ม นฤมล เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ทางผู้บริหารมีแผนที่จะทำกิจกรรมทางการเมืองในระดับท้องถิ่นส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากทุกกลุ่มประชากร ไม่ว่าจะผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร ผู้พิการ เราอยากจะดูแลทุกกลุ่มรวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่ม SME ที่ทำธุรกิจแปรรูปเกี่ยวกับสินค้าเกษตร สินค้าค้าขายที่จะต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล จึงได้ร่วมหารือกันว่าทางรัฐบาลจะสนับสนุนพรรคอย่างไรได้บ้าง เพื่อที่พรรคจะเริ่มขับเคลื่อนช่วยเหลือเศรษฐกิจฐานรากในชุมชนได้