ข่าว

ชนสยอง สาวท้องแก่ตายทั้งกลมพร้อมลูก ตำรวจโต้ดราม่า ให้เหยื่อหาหลักฐานเอง

ชนสยอง สาวท้องแก่ตายทั้งกลมพร้อมลูก ตำรวจโต้ดราม่า ให้เหยื่อหาหลักฐานเอง

06 ส.ค. 2567

ชนสยอง สาวท้องแก่ตายทั้งกลมพร้อมลูกในครรภ์ ตำรวจโต้ดราม่า ให้เหยื่อหาหลักฐานเอง ลั่นอาจเกิดความเข้าใจผิด

6 ส.ค. 2567 พ.ต.อ.ภาคภูมิ เดชะเรืองศิลป์ ผกก.สภ. เมืองนครพนม ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ ถึง กรณีเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เก๋ง SUV ยี่ห้อฟอร์ด Territory ทะเบียนประเทศลาวป้ายเหลือง นฮ 56XX คำม่วน พุ่งชนรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีขาว วีออส สีขาว ทะเบียน 4 ขท 30XX กรุงเทพมหานคร

 

ภายในรถมีสาวท้องครรภ์ 8 เดือนตายทั้งกลม เหตุเกิดบนถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 22 (นิตโย) สายนครพนม-สกลนคร บริเวณ 4 แยกไฟแดงบ้านดอนโมง ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม เมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 3 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา

ผกก.สภ.เมืองนครพนม กล่าวว่าภายหลังการสอบสวน ตรวจสอบพยานหลักฐาน มีข้อมูลหลักฐานชัดเจนจากกล้องวงจรปิด ทั้งที่กล้องหน้ารถที่ขับตามหลังมา และกล้องตามบ้านเรือนประชาชนแถวที่เกิดเหตุ พบว่ารถยนต์ชาวลาวขับฝ่าไฟแดง

 

ตามขั้นตอนของกฎหมาย ถือว่าเป็นฝ่ายผิดคันเดียว ส่วนทางญาติเข้าใจว่า ตำรวจให้ไปหาหลักฐานเพิ่ม ไม่ได้ทิ้งภาระให้ผู้เสียหาย แต่เพียงหากพบหลักฐานเพิ่มเติม ให้นำส่งพนักงานสอบสวน เป็นความเข้าใจผิด

 

อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจจะได้เชิญตัวคนขับรถชาวลาว มารับทราบข้อกล่าวหา ฐานความผิดขับรถประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนการชดเชยเยียวยา เบื้องต้นจะมีการไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่าย หากไม่สามารถตกลงกันได้ จะต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย

ยืนยันทางตำรวจให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย และดำเนินคดีตามพยานหลักฐาน ขอให้มั่นใจในการทำงานของตำรวจ ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่หมู่ 11 ต.นาราชควาย อ.เมือง จ.นครพนม เป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ น.ส.วิชุดา  (สงวนนามสกุล)  หรือบี อายุ 23 ปี และลูกน้อยที่เสียชีวิตในท้อง โดยวางโลงศพสองแม่ลูกเคียงคู่กัน

 

ได้มีนางรินดา (สงวนนามสกุล) หรือ แม่หล้า อายุ 50 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บสะโพกร้าว แพทย์ห้ามขยับตัวบ่อย ขออนุญาตแพทย์ รพ.นครพนม เพื่อออกมาดูหน้าลูกสาวและหลานสาว และจะนำศพหลานน้อยไปเผาก่อนในช่วงบ่ายนี้

 

พร้อมเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังครอบครัวไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง  ก็พากันเดินทางกลับบ้านที่ ต.นาราชควาย วิ่งมาถึง 4 แยกไฟแดงตรงที่เกิดเหตุ ก็จอดติดไฟแดง พอสัญญาณไฟเขียวขึ้นก็ออกรถไป ซึ่งรถคู่กรณีวิ่งมาแบบไม่ยั้งเลย

 

พุ่งชนเต็มแรง น้องบีลูกสาวร้องโอยคำเดียว ก็นิ่งไปเลย ตอนนั้นตนมีสติและเห็นทุกอย่าง น้องบีร่างเอนไปทางนายเอ็ม สามีที่เป็นคนขับ โดยมีคอนโซลด้านหน้าอัดอยู่ที่ท้อง ซึ่งนายเอ็มพยายามเรียกชื่อเมีย แต่ไม่มีเสียงตอบรับ

ขณะที่น้องริวลูกคนโตของน้องบี มีสภาพขาหักยังมีสติเรียกร้องถามหาว่า “แม่หนูอยู่ไหนๆ” นางรินดากล่าวต่อว่า ถ้าหากทางตำรวจไม่ให้ความเป็นธรรม ก็อยากให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน เพราะเห็นว่าครอบครัวเราจนหรือเปล่า โดยหลังเกิดเหตุได้นอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.นครพนม และอยู่ชั้นเดียวกันกับคู่กรณีห่างแค่ 2 เตียง เขาก็ไม่เคยถามไถ่อาการอะไรเลย

 

ด้าน นายสมิง (สงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี ได้เปิดเผยว่าเหตุที่นำศพลูกของน้องบีไปเผาก่อน เพราะเป็นคติความเชื่อต้องตัดขาดจากกัน ไม่เช่นนั้นเกิดชาติหน้าก็ตายพร้อมกันแบบนี้อีก จึงต้องเอาลูกไปเผาหรือฝังก่อน แล้วค่อยเอาศพแม่ออกไปเผาในวันถัดมา ถือว่าตัดขาดเวรกรรม เกิดชาติใหม่ก็จะไม่เกิดเหตุร้ายๆเช่นนี้อีก

 

จากนั้นเคลื่อนศพหลานสาวออกจากบ้าน ไปยังป่าช้าท้ายหมู่บ้าน เพื่อเผาตามประเพณีความเชื่อ พระสงฆ์สวดมาติกาบังสุกุล เปิดฝาโลงทาแป้งให้ แล้วก็จุดไฟเผา ให้ไปเป็นนางฟ้าน้อยบนสวรรค์ ส่วนทางด้านคดีหลังเป็นข่าว ทางคู่กรณีชาวลาวได้ประสานผ่านญาติและคนสนิท ขอเจรจาไกล่เกลี่ยในการเยียวยา

 

หลังมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดชัดเจน ว่าเป็นรถที่ขับฝ่าไฟแดงพุ่งชน ทั้งนี้เป็นการร่วมมือของพลังโซเชียล ส่งภาพหลักฐานขณะเกิดเหตุจนหาทางออกไม่ได้