ข่าว

เปิดพฤติการณ์ อดีตรองปลัด อบต.หญิง ยักยอกเบี้ย 50 ล้าน

เปิดพฤติการณ์ อดีตรองปลัด อบต.หญิง ยักยอกเบี้ย 50 ล้าน

06 ส.ค. 2567

เปิดพฤติการณ์ อดีตรองปลัด อบต.หญิง ยักยอกเบี้ยผู้สูงอายุ-คนพิการ 50 ล้าน พบใช้ช่องว่างของความไว้ใจ ลงมือแยบยล แถมยังทำตัวอู้ฟู่

6 ส.ค.2567 จากกรณีที่เจ้าหน้าที่งานสืบสวนคดีทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 แกะรอยตรวจสอบจนกระทั่งจับกุม นางวาสนา หรือ น.ส.พิมพ์พิชชา อดีตรองปลัด อบต.พิมาย ที่ สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 3 ตามหมายจับศาลอาญา คดียักยอกเงินออกจากคลัง ของ อบต.พิมาย มูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท หลังหลบหนี โดยใช้วิธีการนำบัตรประชาชน และเอกสารหลักฐานแสดงตัวตนของพี่สะใภ้ มาอำพรางตนเอง ก่อนจะไปสมัครทำงานกับ ทนายความรายหนึ่งในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ทำหน้าที่เป็นเสมียนทนายและเลขาคนสนิท

 

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่  อบต.พิมาย อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ เพื่อสอบถามข้อมูล และเรื่องราวที่เกิดเหตุ โดย น.ส.กาษจน์ชาพัฒน์ สีสันเกษมภักดี นิติกร อบต.พิมาย เปิดเผยว่า เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่ ปี 2559 ตอนนั้นเป็นการสั่งจ่ายเงินเพื่อที่จะเบิกมาจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุและเบี้ยคนพิการ พอคณะกรรมการเดินทางไปเบิกเงินที่ธนาคาร ยื่นเช็คเบิกเงินให้ เจ้าหน้าที่ธนาคารตรวจสอบและแจ้งกลับมายังคณะกรรมการที่ไปเบิกเงินว่าเงินในบัญชีไม่เพียงพอ ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ คือ เช็คเด้ง คณะกรรมการจึงกลับมาที่ อบต. และทำหนังสือรายงานต่อผู้บริหารให้ทราบ และรายงานเรื่องต่อไปยังสำนักงาน ปปช. ก่อนที่เจ้าหน้าที่ สตง. จะลงมาตรวจสอบ พร้อมตรวจสอบย้อนหลังตั้งแต่ ปี 2559 ย้อนไปจนถึง ปี 2548

โดยพบพฤติกรรมของ นางวาสนา ใช้ช่องว่างของระบบในการทุจริต เพราะเมื่อก่อนจะมีการจัดสรรหรือโอนเงินอุดหนุนเข้ามาแล้ว ค่อยมีหนังสือตามมาทีหลัง จะไม่ได้มีการแจ้งเตือนเข้ามาในระบบก่อนเหมือนทุกวันนี้

 

พอมีเงินอุดหนุนเข้ามา นางวาสนา ก็จะมาแจ้ง นายก อบต. และปลัด อบต. ว่าจะมีเงินอุดหนุนเข้ามา แต่ยังไม่ทราบยอดหรือจำนวนเงิน ขอให้เซ็นเช็คไว้ก่อน ทางนายก อบต.และปลัด อบต. คิดว่าเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา และให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว จึงทำการเซ็นเช็คไว้ให้ก่อน โดยไม่ได้ใส่ตัวเลขหรือยอดเงินเลย ทำให้เกิดการทุจริตได้ง่าย

 

 

โดยหลังเกิดเหตุทาง นายก อบต. คนปัจจุบัน และเจ้าหน้าที่นิติกรได้ติดตามทวงถามในเรื่องคดีมาโดยตลอด เพราะเงินที่โกงหรือมีการทุจริตไปคือเงินของประชาชน จึงมีการติดตามทวงถามมาคืน นิสัยใจคอหรือพฤติกรรมของนางวาสนา จะมีเงินใช้จ่ายเยอะ และเอื้อเฟื้อคนอื่นอยู่ตลอด ทุกคนก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมนางวาสนาถึงมีเงินใช้จ่ายเยอะ หรืออาจจะเป็นเพราะว่านางวาสนามีแฟนเป็นนักธุรกิจเลยมีเงินใช้จ่ายเยอะ

 

ตั้งแต่เกิดเรื่องหรือเกิดคดีในช่วงปลายปี 2559 นางวาสนา ก็มีการโอนย้ายตัวเองไปอยู่ที่ อบต.สำโรงอุทุมพรพิสัย อยู่ได้ 6 เดือน ก็ลาออกในปี2560 ก่อนจะหายตัวไปไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน จนมาทราบจากในข่าวว่าถูกจับกุม