ข่าว

หวั่นคู่กรณีเบี้ยว ญาติยังไม่เผาศพสาวตายท้องกลม หลังไม่มาตามนัด

หวั่นคู่กรณีเบี้ยว ญาติยังไม่เผาศพสาวตายท้องกลม หลังคู่กรณีไม่มาตามที่นัดไกล่เกลี่ย หวั่นไม่เป็นธรรม แม่เผยวิญญาณเฮี้ยน สองแม่ลูกมาหยอกกันในบ้าน

7 ส.ค. 2567 จากกรณี อุบัติเหตุรถยนต์ SUV ยี่ห้อ Ford Territony สีเทา ทะเบียนประเทศลาว ป้ายเหลือง นฮ 56XX แขวงคำม่วน สปป.ลาว ฝ่าไฟแดง 4 แยกบ้านดอนโมง ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม ฝั่งขาเข้าตัวเมือง พุ่งชนรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีขาว ทะเบียน 4 ขท 30XX กทม. ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บรวม 10 ราย

 

แยกเป็นรถเก๋งโตโยต้า วีออส 7 ราย ในจำนวนนี้มี น.ส.วิชุดา (สงวนนาสกุล)  หรือ น้องบี อายุ 23 ปี ผู้ช่วยพยาบาล โรงพยาบาลนครพนม ซึ่งตั้งท้องแก่อายุครรภ์ 8 เดือน ถูกคอนโซลหน้ากระแทกอย่างแรง เป็นเหตุให้เสียชีวิตตายทั้งกลม แพทย์ผ่าศพนำเด็กทารกออกมาเป็นเพศหญิง ที่มีความสมบูรณ์อวัยวะครบ 32

 

ส่วนฝั่งคู่กรณีรถยนต์หรู มีผู้บาดเจ็บ 3 คน เป็นหญิงทั้งหมด หนึ่งในนั้นเป็นแพทย์ประจำ รพ.แขวงคำม่วน สปป.ลาว อายุ 52 ปี มีบาดแผลขาขวาหัก หลังแพทย์ รพ.นครพนม ผ่าตัดด้ามเหล็กให้แล้ว ผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คน กลับไปรักษาต่อที่แขวงคำม่วน เหตุเกิดบนทางหลวงแผนดินหมายเลข 22 (นิตโย) สายนครพนม-สกลนคร เวลาประมาณ 18.00 น.

 

 

โดยญาติตั้งบำเพ็ญกุศลศพ น้องบีกับลูกทารก ที่ หมู่ 11 ต.นาราชควาย อ.เมือง จ.นครพนม วันที่ 6 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา ญาติได้นำร่างหนูน้อย 8 เดือน ในครรภ์ไปเผา ตามคติความเชื่อ และในวันเดียวกันทางคู่กรณี ได้ประสานผ่านคนสนิทใน รพ.นครพนม ขอเจรจาไกล่เกลี่ยในเวลาประมาณ 18.00 น. หลังถูกโซเชียลเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิด ทำให้เห็นว่ารถยนต์หรูขับมาด้วยความเร็วสูง ฝ่าไฟแดงพุ่งชนรถเก๋งโตโยต้า จนไม่สามารถดิ้นหลุดได้

 

 

ในส่วนของ นายณรงค์ฤทธิ์ (สงวนนามสกุล) หรือ เอ็ม อายุ 27 ปี ผู้เป็นสามีของน้องบีและเป็นคนขับ ตรวจเลือดซ้ำหลายครั้งก็ไม่เจอ ล่าสุด 7 ส.ค. 2567 พระครูศรีปริยัติการ (อรุณ ฐิตเมโธ) เจ้าอาวาสวัดโอกาสศรีบัวบาน ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม เดินทางมาเยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิต

 

 

นายสมิง (สงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี พ่อของน้องบี ได้ขอคำปรึกษาเนื่องจากทางฝั่งรถหรูเบี้ยวนัด เบื้องต้นได้หารือกับญาติๆ แล้ว มีความเห็นตรงกันว่า จะไม่เผาศพน้องบี จนกว่าลูกสาวจะได้รับความเป็นธรรม ซึ่งท่านพระครูแนะว่า หากกังวลใจในเรื่องคดีความ ก็นำศพไปฝากไว้ที่วัดในหมู่บ้านก่อน

 

หวั่นคู่กรณีเบี้ยว ญาติยังไม่เผาศพสาวตายท้องกลม หลังไม่มาตามนัด

 

จากนั้น นายสมิง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เสียความรู้สึกที่ทางคู่กรณีส่งคนอื่นมาเป็นตัวแทน ในการเจรจาไกล่เกลี่ย เหมือนไม่ให้ความสำคัญ ถ้าวันนี้ยังไม่มาก็จะไม่ยอมเผาศพลูกสาว ที่กำหนดจะเผาในวันที่ 8 ส.ค.2567 รอให้ได้รับความยุติธรรมก่อน จึงจะเผา อีกอย่างคนที่รับมาเป็นตัวแทน ก็ทำงานที่เดียวกับตน ลูกเขย และน้องบีคนตาย

 

สามีของน้องบี เล่าว่าในวันเกิดเหตุ ได้ไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า จากนั้นก็เดินทางกลับได้จอดรถติดไฟแดง พอไฟเขียวก็เคลื่อนรถออกมาอย่างช้าๆ แต่รถคู่กรณีมาเร็วมาก จึงพุ่งชนอย่างจัง ตนสลบไปพักหนึ่ง รู้สึกตัวพยายามเรียกชื่อเมีย ตอนนั้นเห็นเมียตาค้าง ก่อนเจ้าหน้าที่กู้ชีพจะมางัดร่างไปส่งโรงพยาบาล ยอมรับว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ต่อให้เอาเงินมากอง 10 ล้านบาทก็ไม่คุ้ม อยากได้ชีวิตเมียและลูกกลับมามากกว่า

 

 ต่อมา นายโชคชัย โคจริก อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมาย การบังคับคดีจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นายเฉลิมชัย วัฒนชัย อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการ และนายอนุรักษ์ กาวิโจง รองอัยการจังหวัด ได้เดินทางไปเคารพศพ น.ส.วิชุดา หรือ น้องบี เพื่อให้คำปรึกษาชี้แนะด้านคดีแก่ครอบครัวผู้สูญเสีย

 

นายโชคชัย กล่าวว่า การจัดการมรดกของผู้ตาย ถ้าผู้ตายยังมีชื่อถือครองในทรัพย์สินหลังจากเสียชีวิตแล้ว ต้องมีการจัดการ ในส่วนนี้อัยการจะเข้าไปดูแลให้เต็มที่ เป็นขั้นเป็นตอน ไม่มีค่าใช้จ่ายด้วย เชื่อว่าคู่กรณีต้องมาเยียวยาผู้เสียหาย เขาอาจจะตั้งหลักอยู่ แต่ข้อเท็จจริงก็ไม่ทราบ คดีถือว่าเป็นเรื่องประมาทแล้วทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดความเสียหาย สิ่งที่จะปกป้องผู้ต้องหาได้ดีที่สุด คือการมาเยียวยาให้ผู้เสียหายอย่างเต็มความสามารถ

 

ขณะที่นางรินดา หรือ แม่หล้า อายุ 50 ปี ผู้เป็นแม่เผยว่าเมื่อคืนนี้ช่วงตี 2 ตนนอนไม่หลับ เพราะไม่ได้ไปร่วมงานเผาศพหลาน  เนื่องจากสะโพกร้าว หมอให้ขยับตัวให้น้อยที่สุด ตนได้ยินเสียงหลานสาวที่เผาไปแล้ว มาหยอกล้อกับ น.ส.วิชุดา หรือ น้องบี ภายในห้องนอน ตนจำเสียงลูกสาวได้ พูดคุยกันกับหลานน้อยในห้อง โดยทั้งคู่หัวเราะหยอกกันประสาแม่ลูก และเขามาหยอกกันเพื่อให้เราได้ยิน เขาคงจะให้รู้ว่าแม่หนูมาแล้วนะ

 

ลูกสาวเสียชีวิตเที่ยงคืน ของวันที่ 4 ส.ค. 2567 ขณะที่ตนยังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ฯ เช้ามืดวันที่ 6 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา ก่อนแพทย์จะอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ เห็นน้องบีใส่เสื้อสีดำ กางเกงขาสั้นสีดำ เป็นชุดที่ใส่ในวันที่เสียชีวิต มายืนอยู่ปลายเตียงแล้วก็ยิ้มให้และก็เดินออกไป เชื่อวิญญาณลูกยังห่วงจึงวนเวียนมาหา

 

ทั้งนี้ ในกรณีที่จะเพิ่มข้อหาให้ฝั่งผู้เสียหายหรือไม่นั้น นางรินคำเผยว่าขณะนอนรักษาตัวอยู่ใน รพ.ฯ คู่กรณีก็นอนอยู่ในอาคารชั้นเดียวกัน ญาติๆ ฝั่งเขาก็มาเยี่ยม โดยไม่มีการทักทายหรือสอบถามอาการใดๆ แม้มีเตียงห่างกันแค่ 2 เตียง และมีการพูดคุยกันว่าใครเมาแล้วขับ ก็ชี้มายังนายเอ็มลูกเขยที่เฝ้าไข้น้องริว (ลูกชายคนโตวัย 7 ขวบ) ว่า โน่นไงคนเมาแล้วขับ

 

 

ตนก็ยังงงทำไมจะให้ฝั่งตนเป็นฝ่ายผิด ขณะรายงานข่าวคู่กรณี ได้ส่งสัญญาณผ่านเพื่อนคนไทยว่า จะข้ามโขงมาเจรจาไกล่เกลี่ยจริงๆ โดยนายสมิงกล่าวว่า ถ้าจะมาเคารพศพลูกสาวก็ยินดี ส่วนการเยียวยาขอให้เป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งตอนนี้สภาทนายความจังหวัดนครพนม ยื่นมือมาให้คำแนะนำด้านข้อกฎหมาย รวมถึงสำนักงานอัยการจังหวัดนครพนม นอกจากนี้ยังมีสายธารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม สำนักงานประกันสังคมจังหวัดนครพนม รวมทั้งบุคคลทั่วไปที่ทราบถึงชะตากรรมครอบครัวตน เดินทางมาบริจาคช่วยเงินช่วยเหลือ ขอขอบคุณในน้ำใจคนไทยอย่างจริงใจ

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวยอดนิยม