ข่าว

ร่าง “น้องซัน” เหยื่อเผ่าสยอง ถึงบ้านเกิด แม่ทำใจไม่ได้คาใจหลายประเด็น

ร่าง “น้องซัน” เหยื่อเผ่าสยอง ถึงบ้านเกิด แม่ทำใจไม่ได้คาใจหลายประเด็น

09 ส.ค. 2567

ร่าง “น้องซัน” เหยื่อเผ่าสยอง ถึงบ้านเกิด แม่เข่าทรุดทำใจไปร่วมงานศพลูกไม่ได้ คาใจหลายประเด็น ลั่นทำลูกแม่ทำไม?

9 ส.ค. 2567 เวลา  06.00 น. เจ้าหน้าที่สมาคมสายธารสะพานบุญ นำโดยนายจักรกฤษณ์ แต่งตั้ง ผอ.สมาคมฯ หรือ ปอน และเจ้าหน้าที่อีก 2 นาย ได้นำส่งร่างของน้องซัน มาถึงบ้านเกิด ในหมู่ 5 ต.ทุ่งยาว อ.ปะเหลียน จ.ตรัง

 

 

ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ นายวิศว (สงวนามสกุล) หรือ ซัน อายุ 22 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดัง ย่านคลองประปา ถูกสาวประเภทสองแทงเสียชีวิต ก่อนใช้ผ้าห่มพันร่างกาย จุดไฟเผาอำพราง ภายในห้องพักของหอพักแห่งหนึ่ง ย่านประชาชื่นนนทบุรี 8 แยก 1 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี เมื่อเวลา 16.20 น. ของวันที่ 7 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา

 

ซึ่งร่างของน้องซัน ได้ถูกเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ กทม. มาโดยรถตู้ ตั้งแต่เวลาประมาณ 17.30 น. ของวานนี้ (8 ส.ค.2567)  เมื่อรถตู้มาถึงบริเวณหน้าบ้าน ได้มีบรรดาญาติพี่น้องจำนวนมาก มาคอยรับร่าง

ร่าง “น้องซัน” เหยื่อเผ่าสยอง ถึงบ้านเกิด แม่ทำใจไม่ได้คาใจหลายประเด็น

 

ขณะนั้นทางผู้เป็นพ่อของน้องซันคือ นายสมหมาย (สงวนนามสกุล) ร้องไห้ด้วยความเสียใจ พร้อมกับกอดกับนายวรพัสกร (สงวนนามสกุล) หรือ น้องนัส อายุ 16 ปี น้องชายของน้องซัน ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ

 

ส่วนนางศุนิชละมัย (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี แม่ของน้องซัน เป็นลมล้มพับลงกับพื้นบ้าน และร้องไห้สะอื้นด้วยความเสียใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นร่างไร้วิญญาณของลูก มีบรรดาเพื่อนๆ ญาติๆ คอยพยุง ก่อนจะทำการนำร่างของน้องซัน ทำพิธี

 

ต่อมาทางนายยูนุส (สงวนนามสกุล) อายุ 63 ปี ตาของน้องซัน ซึ่งเป็นโต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดในพื้นที่ ได้ร่วมกับญาติทำพิธีละหมาด ตามประเพณีของศาสนาอิสลาม โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะเสร็จสิ้นพิธี ต่อมาได้มีการเคลื่อนร่างน้องซันขึ้นรถยนต์กระบะ เพื่อไปยังกุโบว์บ้านป่าขวาง ที่อยู่ห่างจากบ้านพักออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร พร้อมกับทางญาติได้ช่วยกันขุดหลุมศพ ก่อนจะทำพิธีฝั่งตามศาสนาเสร็จสิ้น

 

โดยที่คุณแม่ของน้องซัน ยังคงทำใจไปร่วมพิธีฝังศพไม่ได้ มีพ่อ น้องชาย และญาติพี่น้องเดินทางไปร่วมพิธีฝัง ส่วนทางพ่อของน้องซัน ได้ยกมือขอบคุณเจ้าหน้าที่สมาคมสายธารสะพานบุญ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังได้มอบของมีค่าของน้องซัน ที่หลงเหลือติดตัวอยู่จำนวน 3 ชิ้น มาให้กับแม่ของน้องซัน โดยจะเป็นสมุดบัญชีธนาคาร ภาพถ่ายและสร้อยคอ ก่อนจะเดินทางกลับในทันที

 

 

ร่าง “น้องซัน” เหยื่อเผ่าสยอง ถึงบ้านเกิด แม่ทำใจไม่ได้คาใจหลายประเด็น

 

 

 

นางศุนิชละมัย แม่น้องซัน กล่าวทั้งน้ำตาว่า ความรู้สึกแรกหลังตำรวจจับกุมคนร้ายได้ ก็โล่งใจไปได้นิดนึ่ง และไม่เชื่อคำให้การของผู้ต้องหาทั้งหมด ส่วนที่อ้างว่าลงมือเพราะทะเลาะกับลูกเรื่องเงินก็ไม่เชื่อ เพราะตนรู้มาว่า ลูกชายเพิ่งจะได้เจอกับผู้ต้องหารายนี้เป็นครั้งแรก ยังคงติดใจค้างคาใจอีกหลานส่วน ถือแม้ว่าจะจับกุมคนร้ายได้แล้ว แต่คดีจะยังคงดำเนินไปยังไงต่อ

 

 คนร้ายจะได้รับโทษอย่างไร ในเมื่อลูกแม่ต้องตายไปแล้ว วันนี้หากสื่อสารไปยังตำรวจได้ อยากถามว่า ให้นำตัวคนร้ายมาที่นี่ได้ไหม หากฝังน้องเสร็จแล้วก็ให้คนร้ายมากราบที่บนหลุมศพของน้องได้ไหม เพราะเขาทำกับลูกโหดร้ายเกินไป เขาไม่นึกถึงจิตใจของแม่เลย เขาไม่นึกถึงว่าชีวิตๆ หนึ่งจะมีคุณค่าแค่ไหน ในสิ่งที่เขาทำลงไป

 

อยากถามว่าเขาทำทำไม แม่ก็บอกไม่ได้ว่าลูกจะถูกลวงหรือไม่ยังไง รู้ว่าน่าจะเจอกันแค่ครั้งแรก และลูกลงมารับถึงใต้หอ หากลูกไม่ไว้ใจคนอื่นเกินไป มันก็น่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ เพราะนิสัยจริงๆ ของลูกเป็นคนเชื่อใจคนอื่นง่าย ส่วนในเรื่องของการส่งศพจาก กทม.มาถึงบ้านนั้น ก็ทราบว่าทางมหาวิทยาลัยฯ ที่น้องเรียนอยู่ จะช่วยในเรื่องค่าใช้จ่ายให้ เบื้องต้นทราบว่าประมาณ 25,000 บาท และหลังจากนี้น่าจะมีเรื่องของประกันที่ทางมหาลัยทำไว้ ทางมหาลัยฯ คณะบดีก็ได้โทรมาหาแม่ หากสื่อสารไปยังลูกชายได้ อยากบอกลูกว่าให้ลูกไปให้สบาย ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว คนร้ายถูกถูกจับกุมแล้ว

 

 

นายสมหมาย (สงวนนามสกุล) พ่อน้องซัน กล่าวว่า ก่อนจะเกิดเหตุประมาณ 3-4 วันก็เพิ่งจะคุยเปิดกล้องกับลูก และก็เพิ่งจะโอนเงินไปให้หาหมอ เพราะเขาบ่นว่าปวดท้อง ครั้งแรกโอนไปให้ 500 บาท ถัดมาช่วงค่ำลูกก็บอกว่าเงินไม่พอก็โอนไปให้อีก หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย จนมารู้ข่าวร้ายว่าลูกถูกฆ่าเสียชีวิตแล้ว

 

ส่วนใหญ่ตนก็จะคุยกับลูกผ่านทางแชท เรื่องที่คุยลูกจะบอกว่าเงินหมดแล้ว ขอเงินกินข้าวหน่อย ลูกคนนี้ไม่เคยเกเร ส่วนที่คนร้ายอ้างว่าทะเลาะกันเรื่องมีปัญหาเกี่ยวกับการเงินกับลูกนั้น หากเขามีจริงๆ เขาก็ต้องบอกหรือมาปรึกษากับพ่อมาแล้ว แต่ตนไม่รู้เรื่อง และไม่เชื่อว่าหากเรื่องเงินไม่น่าจะทำกันได้ถึงขนาดนี้ ทำลงได้ขนาดนี้ ก็อยากให้มีการตัดสินประหารชีวิต หากฝ่ายสูญเสียเป็นญาติของคนร้าย ก็คงจะคิดเหมือนตน