2สาวเคราะห์ซ้ำ เกิดอุบัติเหตุจนต้องออกจากงาน ดันมาโดนหลอกสมัครงานออนไลน์
2สาวเหยื่อมิจฉาชีพ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ประสบอุบัติเหตุจนต้องออกจากงาน พอมาสมัครงานออนไลน์ กลับถูกหลอกไปเปิดบัญชีม้า โดนทวงเงิน แถมยังถูกอายัดบัญชี
9 ส.ค.2567 ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจาก น.ส.กัญญ์วรา อายุ 25 ปี และ น.ส.อลัญดา อายุ 22 ปี ผู้เสียหาย ชาวจ.ฉะเชิงเทรา ถูกแก๊งมิจฉาชีพ หลอกแฝงในรูปแบบรับสมัครงานออนไลน์ ก่อนจะนำข้อมูลและรูปถ่าย ของหญิงทั้ง 2 คนไปเปิดบัญชีม้า จนมีเจ้าทุกข์เข้าแจ้งความ จนมีการฟ้องร้องขึ้นศาล หนำซ้ำบัญชีปกติที่ใช้งานมานานก็ถูกธนาคารอายัดหมด ไม่สามารถถอนเงินของตนเองออกมาได้ ไปสมัครงานก็ไม่ได้เพราะติดเรื่องเอกสารบัญชีธนาคาร ซึ่งทั้งสองก็เดินทางไปแจ้งความเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจแล้ว แต่เรื่องก็โยนกันไปโยนกันมา จนถึงตอนนี้หญิงทั้งสอง ก็ไม่สามารถไปหาสมัครงานได้และกลัวติดคุก ในสิ่งที่ตนเองไม่ได้ทำ
โดย น.ส.กัญญ์วรา เปิดเผยว่า เดิมตนเองและน้องสาว ทำงานอยู่แถวร่มเกล้า กทม. ก่อนจะประสบอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ ไม่สามารถเดินเหินได้สะดวกทั้งตนและน้องสาว เมื่อลาหยุดนานก็ถูกให้ออกจากงาน ตนเองและน้องจึงกลับมาบ้านที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อพักรักษาตัวอาการเริ่มดีขึ้น จึงพยายามหาสมัครงานที่ใหม่ ในโซเชียลเฟซบุ๊ก
จนเลื่อนมาเจอมิจฉาชีพที่แฝงตัวมาเปิดรับสมัครงานออนไลน์ จัดเรียงพัสดุสินค้าเอกชน รายได้ดี ตนเองจึงชวนน้องสาว ทักเข้าไปในข้อความของเพจนี้ เพื่อสอบถามรายละเอียดในการสมัครงาน จากนั้นได้มีการพูดคุยถึงเงินรายได้ สถานที่ทำงาน และระเบียบข้อบังคับต่างๆ จนตนเองและน้องสาวตายใจ
จากนั้นมิจฉาชีพได้ให้ตนแอดไลน์ เพื่อส่งเอกสารประจำตัวต่างๆ ทั้งสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชนที่มีการเซ็นรับรอง รวมถึงให้ตนเองถ่ายหน้าตรง เหมือนรูปสมัครงานส่งไปให้ เมื่อตนเองและน้องสาวส่งเอกสารครบแล้ว มิจฉาชีพได้บล็อกไลน์ตนเอง ซึ่งตอนแรกตนเองก็ยังไม่เอะใจ นึกว่าไลน์ของมิจฉาชีพมีปัญหา หรือไม่รับตนทั้งสองเข้าทำงาน
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 ก.ค.2567 ที่ผ่านมา มีเหยื่อจากแก๊งมิจฉาชีพติดต่อมาหาตน บอกว่าโอนเงินซื้อของ จำนวน 1,620 บาท มาในชื่อของตน ตนเองพยายามสอบถามและอธิบายว่าไม่ใช่ตนที่โอน หนำซ้ำตนเองมีบัญชีธนาคารบัญชีเดียว ไม่เคยเปิดบัญชีธนาคารที่ถูกกล่าวอ้าง แต่หญิงผู้เสียหายไม่เชื่อ ต้องการไกล่เกลี่ยและต้องการเงินคืน แต่ตนเองก็ตกงานไม่มีเงินจะคืน หนำซ้ำตนเองไม่ได้เป็นคนทำหรือรู้เห็นกับพวกมิจฉาชีพ จึงไม่ได้มีการคืนเงิน จนเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.ปัว จ.น่าน โทรศัพท์เข้ามาหาตน และแจ้งเรื่องดังกล่าวกับตน
ด้วยความไม่สบายใจและกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีทั้งๆ ที่ตนและน้องสาวไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงเดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้ ที่ สน.บางชัน ก่อนจะเดินทางกลับมาบ้านที่จังหวัดฉะเชิงเทรา
หลังจากกลับมาบ้านที่ฉะเชิงเทราแล้ว ตนเองและน้องสาวก็เดินทางไปสมัครงานที่โรงงานในพื้นที่ ผ่านการตรวจร่างกาย ผ่านสัมภาษณ์และตรวจเอกสารประจำตัวเบื้องต้นทุกอย่างแล้ว เหลือเพียงไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อนำไปให้โรงงานในการจ่ายเงินเดือนเข้าบัญชี แต่กลับเปิดบัญชีธนาคารใหม่ไม่ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่าติดตัวแดง ชื่อของตนเองและน้องสาว มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปิด บัญชีม้า ทำให้ไม่สามารถเปิดบัญชีใหม่ได้ หนำซ้ำแอปพลิเคชั่นของธนาคาร ที่ตนเองใช้อยู่ประจำก็ถูกล็อก ไม่สามารถโอนเงินหรือถอนเงินของตนเองออกมาได้
ทำให้ตอนนี้เดือดร้อนหนัก กลัวติดคุก สมัครงานไม่ได้ แถมเงินของตนเองก็ไม่สามารถถอนออกได้ ตนเองพยายามติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร โดยเจ้าหน้าที่ธนาคารให้ติดต่อสถานีตำรวจที่ผู้เสียหายเข้าไปแจ้งความ เมื่อตนเองติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี ก็ให้ตนเองติดต่อพูดคุยกับผู้เสียหาย โดยยังไม่มีทางออกให้กับพวกตน ซึ่งไม่รู้จะมีหน่วยงานไหมมาแก้ไขปัญหาให้ตนและน้องได้
เงิน 1,620 บาทของผู้เสียหาย สำหรับตนถือว่าเยอะมาก ไหนจะภาระค่าบ้าน ค่ารถ ค่ากินต่างๆ นานา ในตอนที่ตนเองตกงานไม่มีเงิน อีกทั้งตนเองก็ไม่ได้เป็นคนทำ จึงไม่รู้จะเจรจาความกันอย่างไร ตอนนี้ก็ได้แต่ชวนน้องสาว ทำแซนด์วิชเดินขายตามท้องถนนบริเวณ 4 แยก หาเงินสดนำมาหมุนใช้ในชีวิตประจำวันอยู่ในตอนนี้