ข่าว

"หลวงพี่" เผยถูกใส่ร้าย ภาพใกล้ชิด "สีกา" เป็นลูกศิษย์นำอาหารมาถวาย

"หลวงพี่" เผย สีกาในภาพเป็นลูกศิษย์ มีมือดีแฮกข้อมูล ล่าสุดแจ้งความแล้ว ปฏิเสธหนีออกจากวัด แค่ไม่อยากให้ถ่ายหน้า ด้าน "เจ้าอาวาส" โต้กลับ โกหก หายไปเป็นเดือน ขณะที่สำนักพุทธฯ เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง

กรณีวงการพระสงฆ์อื้อฉาวในโลกโซเชียล มีการโพสต์ภาพสีกาใกล้ชิดสนิทสนมกับหลวงพี่ลูกวัดดวงแข พร้อมข้อความทำนองว่า มีความสัมพันธ์กันแบบชู้สาวและมีมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง 

 

ผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังนายสุพจน์ (สงวนนามสกุล) หรือ พระสุพจน์ อายุ 58 ปี พระลูกวัดที่กำลังตกเป็นข่าว ได้รับการเปิดเผยว่า ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นการถูกแอบอ้าง ภาพที่ปรากฏมานั้น เป็นเพียงลูกศิษย์ลูกหาและคนในวัดที่เข้ามาถ่ายรูปอาตมา แต่คนที่เป็นประเด็นก็คือ คนในวัดและก็เป็นสีกาที่นำอาหารเข้ามาถวาย 

เมื่อดูจากในรูปแล้ว อาตมาใส่แค่เพียงอังสะและสบง ซึ่งเป็นรูปที่ไม่เหมาะสม จึงอยากถามกลับว่า เป็นการตั้งใจถ่ายรูปเพื่อมาประจานตัวเองหรือไม่ ภาพทั้งหมดที่ถูกนำลงโซเชียลนั้น สีกาคนดังกล่าวถูกแฮก และตอนนี้ก็ทำให้สีกาคนนี้ร้องไห้เสียใจหนักมากกับเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เรื่องนี้อาตมาได้นำข้อมูลทั้งหมดไปแจ้งความไว้แล้ว 

 

 

\"หลวงพี่\"  เผยถูกใส่ร้าย ภาพใกล้ชิด \"สีกา\" เป็นลูกศิษย์นำอาหารมาถวาย

 

เมื่อถามว่า ขณะนี้จำวัดอยู่ที่ใด ทำไมไม่อยู่ที่วัดดวงแข พระสุพจน์ กล่าวว่า อาตมาจะอยู่ที่วัดให้นักข่าวถ่ายหน้าตัวเองทำไม ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วและไม่ใช่เรื่องจริงเป็นการใส่ร้าย โดยปกติอาตมาจำวัดอยู่ที่วัดดวงแข จะออกไปไหนได้ เพราะช่วงนี้กำลังเข้าพรรษาอยู่ แต่ไม่มีใครทราบเพราะอาตมาไม่ได้บอกใคร

 

ขณะที่ผู้สื่อข่าวถามไปยัง พระครูประพัฒน์เขมคุณ เจ้าอาวาสวัดดวงแข ท่านตอบกลับทันทีว่า พระสุพจน์โกหก จะจำวัดอยู่ที่นี่ได้อย่างไรในเมื่อให้พระลูกวัดไปตรวจสอบดูแล้ว และไม่มีใครเห็นหน้าพระสุพจน์เลยมาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 1 เดือน

 

เจ้าอาวาสวัดดวงแข

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ติดต่อมายัง พระครูประพัฒน์เขมคุณ เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าว โดยเป็นการสนทนาตามขั้นตอนของกฎระเบียบของสำนักพุทธฯ หลังจากนี้จะต้องขอดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดถึงใบสุทธิพระภิกษุสงฆ์ของพระสุพจน์ว่า มาจำวัดอยู่ที่วัดดวงแขตั้งแต่เมื่อไร และผิดกิจสงฆ์ในข้อใดบ้าง

 

ซึ่งหลังจากนี้ทางสำนักพุทธฯจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้นมาและจะมีหนังสือส่งมาที่วัดดวงแข ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการสงฆ์อีกรอบ เพื่อสรุปความผิดของพระสงฆ์ดังกล่าวก่อนจับปาราชิก และทำหนังสือเพื่อยืนยันกับประชาชนว่า วัดและสำนักพุทธไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

ส่วนกรณีกุฏิของพระสุพจน์ที่มีการล็อคห้องไว้อย่างแน่นหนา ทางคณะกรรมการของสำนักพุทธจะต้องตรวจสอบข้อกฎหมาย ก่อนที่จะเข้าไปตรวจสอบหารายละเอียดต่างๆภายในห้องกุฏิ
 

ข่าวยอดนิยม