บ้านร้างอายุ 90 ปี พังครืน ราบเป็นหน้ากลอง | คมชัดลึก

14 ส.ค. 2567 เวลา 11.40 น. อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รับแจ้งจากสถานีดับเพลิง และกู้ภัยราษฎร์บูรณะ ว่า เกิดเหตุบ้านเก่า พังถล่มทั้งหลัง ภายในซอย สุขสวัสดิ์ 20 แยกย่อย ซอยที่ 2 ถนนสุขสวัสดิ์ แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร จึงเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์กู้ภัยเข้าตรวจสอบ ทันที

 

ที่เกิดเหตุ พบบ้านเลขที่ 303 ซอยสุขสวัสดิ์ 20 ลักษณะเป็นบ้านไม้เก่าอายุ 90 ปี 2 ชั้น ตั้งอยู่ท้ายซอยริมคลองบางปะแก้ว

จากการตรวจสอบแล้วบ้านหลังดังกล่าวอยู่ในลักษณะพังเสียหายยับเยินทั้งหลัง คาดว่าเนื่องจากเป็นบ้านไม้ทั้งหลัง ถูกปล่อยทิ้งร้างมาประมาณ 20 ปี จึงผุพังไปตามการเวลา ไม่มีใครมาดูแลรักษาก็เลยเสื่อมสภาพไปเอง

 

โดยเมื่อช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ (13 ส.ค. 67) ฝนตกลงมา ลมพัดแรง จึงทำให้บ้านหลังดังกล่าวที่ถูกปลวกแทะกินจนผุกร่อนทั้งหลังอยู่แล้ว ได้พังถล่มลงมาในช่วงเวลาประมาณ 19.20 น. ของเมื่อคืนวาน โดยภายในที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และไม่มีผู้เสียชีวิต จึงรอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบในช่วงเช้าของวันนี้

สอบถาม นางสุรางค์ โพธิ์งาม อายุ 66 ปี กล่าวว่า ตอนเย็นของวานนี้ฝนตก มีลมแรง บ้านหลังดังกล่าวก็ได้โค่นล้มลงมามีเสียงดังมาก บ้านหลังนี้อายุมากกว่า 50 ปีแล้ว และเจ้าของบ้านย้ายออกไป 20 กว่าปี บ้านหลังนี้จึงปล่อยทิ้งเป็นบ้านร้างเอาไว้เฉยๆ โดยไม่มีใครมาดูแล ตอนที่พังถล่มลงมา เป็นช่วงที่ฝนหยุดแล้ว มีเสียงดังมาก หลังเกิดเหตุพระวัดโพธิ์แก้วมาช่วยกันนำเศษไม้ออกจากทางเดินให้

 

ด้าน นายสมศักดิ์ กุ่ยรักษา อายุ 77 ปี กล่าวว่า มานั่งเล่นบริเวณนี้ประจำ จะทำกังหันลม และว่าว เอาไว้ให้เด็กๆเล่นฟรี ไม่ได้ขาย ส่วนบ้านหลังนี้มีอายุประมาณ 90 ปี แล้ว เพราะตนเกิดมาก็เห็นบ้านหลังนี้แล้ว ส่วนเจ้าของเก่าเขาย้ายออกไป 20 ปีได้แล้ว ไม่มีใครมาดูแลบ้านหลังนี้เลย

 

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตพื้นที่ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีดังกล่าวแล้ว และจะติดตามหาเจ้าของบ้านให้มานำเศษวัสดุของตัวบ้านหลังดังกล่าวออกจากพื้นที่ เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับประชาชนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงได้ และอาจจะเป็นเชื้อเพลิงได้ง่ายอีกด้วย

 

ส่วนใหญ่ที่เห็นตอนนี้จะเป็นกองไม้ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นแหล่งเชื้อเพลิงชั้นดีเลยทีเดียว และบ้านในละแวกนี้ก็มีลักษณะปลูกติดกันหลายหลัง จึงจำเป็นที่จะต้องเร่งให้เจ้าของบ้านหลังนี้นำเศษไม้ออกไปจากพื้นที่อย่างเร่งด่วนก่อน เพื่อความปลอดภัยของชาวบ้าน