ข่าว

ผกก.สน.บางรัก ยัน วิสามัญ ไม่เกินกว่าเหตุ วงจรปิดชัด ผู้เสียชีวิตเริ่มก่อน

ผกก.สน.บางรัก ยัน วิสามัญ ไม่เกินกว่าเหตุ วงจรปิดชัด ผู้เสียชีวิตเริ่มก่อน

15 ส.ค. 2567

ผกก.สน.บางรัก ยืน วิสามัญ ไม่เกินกว่าเหตุ วงจรปิดชัด ผู้เสียชีวิตเริ่มก่อน แจง ไม่ให้ถ่ายรูปแค่ขอความร่วมมือ

ความคืบหน้ากรณีตำรวจวิสามัญ นายมงคล (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี เสียชีวิตภายในซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 1 หลังมาตามภรรยาที่คาดว่ามาติดสาวทอมที่บาร์ในย่านดังกล่าว แต่ตำรวจไม่ยอมให้พี่ชายเข้าไปดูร่างน้อง จนมีการตั้งข้อสงสัยถึงดการวิสามัญดังกล่าว เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา 

 

ทางด้านของ พันตำรวจเอกธรรมศักดิ์ สารบุญ ผู้กำกับการ สน.บางรัก ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุเมื่อคืนนี้ ชายผู้เสียชีวิต ได้ไปตามหาแฟนสาวที่ร้านบาร์โฮส เนื่องจากก่อนหน้านี้จับได้ว่าแฟนสาวไปติดพันทอม จึงไล่ออกจากบ้าน ต่อมาได้ไปตามหาแฟนสาวที่ทำงานแต่ไม่เจอ และคิดว่าจะมาเที่ยวกับทอมที่นี่ จึงมาตามหาแล้วครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่เจอ ซึ่งที่ร้านก็บอกว่า ถ้ามาแล้วโวยวาย ไม่ต้องมาอีก แต่เมื่อคืนผู้เสียชีวิตก็กลับไปอีก ร้านจึงเรียกสายตรวจเดินเท้า ซึ่งเป็นชุดนอกเครื่องแบบ เพราะเป็นชุดที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อยภายในสถานบันเทิง เจ้าหน้าที่จึงไปกันทั้งหมด 4 คน

เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงก็ไปพูดคุยกับผู้เสียชีวิต ตอนแรกเจ้าตัวอ้างว่าเป็นตำรวจสืบสวนอยู่กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 เมื่อตรวจสอบพบว่าไม่ใช่ตำรวจจริง จึงขอตรวจค้นรถจักรยานยนต์ พอพากันเดินไปถึงที่รถ ตำรวจ 2 คนก็หยุดจะตรวจค้น แต่ผู้เสียชีวิตไม่ยอมหยุด ตำรวจอีก 2 คนจึงเดินตาม และพยายามเรียกให้หยุด แต่ผู้เสียชีวิต ก็เอามือล้วงไปที่เอว แล้วม้วนตัวกลับมาชักปืนขึ้นสไลด์ลำกล้อง ตำรวจเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งหนี แล้วผู้เสียชีวิตก็ยิงปืนทันที 3 นัด เมื่อตำรวจอีก 2 คนที่อยู่ที่รถจักรยานยนต์เห็นจึงต้องนำอาวุธปืนมาระงับเหตุ

 

ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุเพราะภาพจากวงจรปิดก็เห็นชัดเจนว่าผู้เสียชีวิตนำปืนขึ้นมายิงก่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีเจตนาวิสามัญแต่ในตอนนั้นต้องพยายามยิงให้หยุด เมื่อผู้เสียชีวิตไม่ยอมหยุด จึงต้องยิงจนกว่าจะหยุด แต่ไปโดนจุดสำคัญจนถึงแก่ชีวิต 

 

ทั้งนี้ ญาติมีสิทธิที่จะสงสัยได้แต่ก็ให้เป็นไปตามพยานหลักฐาน โดยญาติไม่รู้ว่าผู้เสียชีวิตมีอาวุธปืน แต่แฟนสาวให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตมีการวิดีโอคอลไปหา พร้อมโชว์อาวุธปืนว่าถ้าไม่กลับมาหาจะฆ่าตัวตาย พร้อมยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ปิดกั้น ตนเป็นคนพาญาติเข้าไปดูศพ แต่แค่ขอความร่วมมือไม่ให้ถ่ายรูปเท่านั้น ซึ่งตอนนั้นก็มีทั้งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและแพทย์นิติเวชที่เป็นพยานอยู่

 

เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมจึงไม่ใช้ปืนไฟฟ้า พันตำรวจเอกธรรมศักดิ์ ระบุว่า ผู้เสียชีวิตใช้ปืนไม่ใช่มีด ปืนยิงออกมาหากโดนก็ถึงแก่ชีวิตได้ ตอนนั้นตำรวจไม่มีทางเลือกอื่น ส่วนปืนไฟฟ้าไม่ได้มีการเตรียมการ เพราะตำรวจเข้าไปเพื่อระงับเหตุโดยได้รับแจ้งว่าเป็นการมาตามหาแฟนเท่านั้น ไม่ได้คิดว่าจะบ้าระห่ำ