ข่าว

"สราวุธ" ยัน! สอบวินัย "บิ๊กโจ๊ก" ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

"สราวุธ" ยัน! สอบวินัย "บิ๊กโจ๊ก" ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

15 ส.ค. 2567

"สราวุธ" ยัน! หัวหน้าคณะทำงานสอบวินัย "บิ๊กโจ๊ก" และพวก ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย แต่จะออกมาทิศทางไหน ยังไม่ทราบ!

15 ส.ค.2567 เวลา 13.00 น. พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร. หัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนวินัย กรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล พร้อมพวกรวม 5 คน กระทำผิดวินัยร้ายแรง 

\"สราวุธ\" ยัน! สอบวินัย \"บิ๊กโจ๊ก\" ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

โดย พล.ต.อ. สราวุธ การพานิช รองผบ.ตร. ในฐานะประธานกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ระบุว่า เป็นการติดตามความคืบหน้าของคณะกรรมการ ที่ได้ทำงานตั้งแต่หลังจากที่ได้รับทราบคำสั่งเมื่อวันที่ 22 เมษายน

 

โดยมีระยะเวลา 15 วัน ในการรวบรวม และแจ้งข้อกล่าวหาให้คณะของตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ได้ทราบ

 

ต่อมาวันที่ 16 พฤษภาคม ได้เริ่มทำการรวบรวมพยานหลักฐานจากพยานของฝ่ายผู้กล่าวหา ซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานว่ามีการสอบพยานไปจำนวนมาก 

 

พล.ต.อ. สราวุธ เปิดเผยว่า เนื่องจากตนเคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าการทำหน้าที่ครั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้ ความยุติธรรม 3 ประการ

1.ระเบียบ

2.ข้อกฎหมาย

3.ให้ความยุติธรรม

ทั้ง3 ประการนี้คณะทำงานได้ตระหนักไว้ในการทำหน้าที่ครั้งนี้ 

 

ซึ่งหากเปรียบแล้วภารกิจครั้งนี้ตนเป็นเสมือนกรรมการฟุตบอลระหว่างทีมชาติไทยแข่งกับเวียดนาม หมายถึงว่าคนไทยทุกคนและสังคมไทยเฝ้ามองอยู่ ตนในฐานะที่เป็นกรรมการต้องแสดงความเป็นกลางและให้ความเป็นธรรมกับเกม เกมนี้มากที่สุด 

 

พล.ต.อ. สราวุธ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จริงๆแล้วการสอบสวนและการรวบรวมพยานหลักฐานจากพยานของฝ่ายผู้ถูกตรวจสอบจบไปแล้ว แต่ปรากฏว่ามีการมาให้การเพิ่ม และมีการกล่าวอ้างไปถึงพยานอีกประมาณ 5-6 ปาก เป็นที่แน่นอนว่าคณะกรรมการชุดนี้ต้องให้ความเป็นธรรมจึงต้องสอบพยายานเพิ่ม 

 

หลังจากนั้นต้องสรุปรวบรวมพยานหลักฐานและหารือพิจารณาร่วมกันว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาในลักษณะอย่างไร ซึ่งจะเป็นในทิศทางทางบวกหรือลบยังไม่สามารถบอกได้

 

โดยคณะกรรมการชุดนี้มีระยะเวลาทำงานทั้งสิ้น 270 วัน หลังจากวันที่ 16 พฤษภาคม และมีระยะเวลาเหลืออีก 60 วันแต่การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จจึงต้องขอขยายไปทางผบ. ตร.อีก 60 วัน ที่กำลังจะครบในวันที่ 12 กันยายน ทั้งนี้ทั้งนั้นกระบวนการทั้งหมดยังคงอยู่ในกรอบ 270 วัน

 

พล.ต.อ.สราวุธ เปิด เผยเพิ่มเติมว่า คณะผู้ถูกสอบให้ความร่วมมือแม้ พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ จะไม่ได้เข้ามาให้การด้วยตัวเองแต่สามารถชี้แจงผ่านเอกสารได้ซึ่งถือว่าเป็นการให้ความร่วมมือ 

 

ซึ่งหากผลเป็นลบ หมายถึงว่า สามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ว่ากระทำความผิดตามที่คณะกรรมการมีหน้าที่ หลังจากนั้นเป็นสิทธิ์ของคณะผู้ถูกสอบวินัย ว่าจะเข้าร้องต่อหน่วยงานใด

 

ในกรณีที่คณะทำงานอื่นมีมติเรื่องดังกล่าวออกมาแล้วเป็นการกดดันหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สราวุธ ให้คำตอบว่าเป็นคนละเรื่อง คนละหน้าที่กันไม่มีส่วนกดดันใดๆ แต่อย่างไรก็ดีได้ทำหนังสือสอบถามถึงผลการวินิจฉัยทุกส่วนที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว เพื่อความรอบคอบและความเป็นธรรม

 

ต่อมาเวลาประมาณ 15.40 น. ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.อ.สราวุธ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกับสื่อมวลชนเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสอบสวนฯ ได้มีการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการสืบสวนสอบสวน การรวบรวมพยานหลักฐาน และการสอบพยาน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

 

โดยเจ้าหน้าที่ ได้มีการสอบพยานไปแล้วถึง 65 ปาก ซึ่งต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ปฏิบัติอย่างตั้งใจ รอบคอบ ตามนโยบายที่ให้ไว้ ว่าให้ยึดหลัก "ความยุติธรรม 3 ประการ" คือ ระเบียบ ข้อกฎหมาย และให้ความยุติธรรม และจากการที่ผู้ถูกกล่าวหามีการให้ปากคำเพิ่ม พร้อมอ้างอิงถึงพยานเพิ่มเติมอีก 5 ปาก คณะกรรมการสอบสวนฯ

 

จึงมีการทำหนังสือแจ้งพยานทั้ง 5 ปาก ให้เข้าให้การต่อเจ้าพนักงานงานสอบสวนในวันที่ 21 สิงหาคมที่จะถึงนี้ (2567) จากนั้นเมื่อดำเนินการสอบพยานเสร็จสิ้น จึงจะมีการสรุป และมีการนัดประชุมคณะกรรมการสอบสวนฯ อีกครั้ง เพื่อกำหนดวันรับทราบข้อกล่าวหาของผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเบื้องต้นคาดว่า "ไม่เกินสิ้นเดือนสิงหาคมนี้"