เปิดใจ “น้องไตเติ้ล-พ่อ” เด็กวิศวะ เล่าเหตุการณ์รุ่นพี่กร้าว รับน้องโหด
เปิดใจ “น้องไตเติ้ล-พ่อ” นศ.วิศวะ เหยื่อรุ่นพี่รับน้องโหด รุมทำร้ายต่อหน้าต่อหน้าอาจารย์ แม่ถึงขั้นกราบเท้าขอให้หยุด เล่าถึงเหตุการณ์ และสาเหตุที่ถูกหมายหัว
16 ส.ค. 2567 กรณีวันที่ 15 ส.ค. 67 เวลา 17.00 น. นายโต้ง อายุ 54 ปี และ น.ส.ก้อย อายุ 39 ปี พ่อและแม่ของ น้องไตเติ้ล อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังจังหวัดนนทบุรี เดินทางเข้าแจ้งความ กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อให้ดำเนินคดีกลุ่มนักศึกษารุ่นพี่ ที่ รับน้องโหด ทำร้ายลูกชาย หลังจากลูกชายไปขอลาออกจากการเข้าระบบการรับน้อง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส รักษาตัวอยู่ที่ รพ.กรมชลประทาน
ขณะที่ นายโต้ง พ่อน้องไตเติ้ล ถูกกลุ่มนักศึกษาทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บด้วย เหตุเกิดใน มหาวิทยาลัยชื่อดัง ต่อหน้ารองอธิการบดี แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุไม่เกรงกลัวกระทืบนายโต้งกับลูกชายก่อนหลบหนีออกจากมหาวิทยาลัยหลังก่อเหตุ
โดยเวลา 23.30 น. วันที่ 15 ส.ค. 2567 ที่โรงพยาบาลกรมชลประทานปากเกร็ด นายวิชัย หรือ โต้ง นางก้อย พ่อและแม่ของน้องไตเติ้ล พร้อมญาติๆมารอเฝ้าดูอาการของน้องไตเติ้ลอย่างใกล้ชิด โดยพบว่าทางคุณหมอ ได้ย้ายน้องไตเติ้ลจากห้องผู้ป่วยวิกฤต มาอยู่ห้องผู้ป่วยรวม โดยน้องไตเติ้ลมีอาการดีขึ้นเล็กน้อย สามารถตอบคำถามและพูดคุยกับผู้เป็นพ่อและแม่ได้
ส่วนอาการทางแพทย์อยู่ระหว่างรอตรวจเช็กสมองอย่างละเอียด เบื้องต้นไม่พบว่ามีเลือดคั่งในสมอง แต่ต้องนอนโรงพยาบาล เพื่อรอดูอาการ เนื่องจากยังไม่สามารถลงจากเตียง หรือเข้าห้องน้ำเองได้ ต้องใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปให้น้องไตเติ้ลไว้ตลอดเวลา
พ่อน้องไตเติ้ล เล่าว่า ลูกเข้าเรียนปีหนึ่งได้เข้าไปรับระบบในสถาบันโดย เป็นการรับระบบของรุ่นพี่มีการทำร้ายร่างกาย เอาไฟแช็กล่นและเอาไฟแช็กจุดไฟเผาขนรักแร้และขนอวัยวะเพศ หลังจากที่น้องโดนมาน้องทนไม่ไหว จึงบอกความจริงกับแม่ และบอกว่าจะขอออกจากระบบ แต่รุ่นพี่มีการข่มขู่และมีการมาถ่ายรูปที่บ้านและรถจยย. พร้อมกับบอกว่า ถ้ามึงออกจากระบบกูจะตามไปกระทืบจนตาย และยึดบัตรประชาชนของน้องกับพาวเวอร์แบงค์ไปด้วย
และรุ่นพี่ยังข่มขู่ต่ออีกว่าบอกแม่มารอรับศพลูกตนที่หน้าโรงเรียนโรงเรียนด้วย ซึ่งน้องเพิ่งมาบอกความจริงกับตนและภรรยาวันนี้เพราะปกติแล้ว น้องจะโกหกตลอดแต่วันนี้น้องทนไม่ไหวแล้ว ซึ่งวันนี้ที่ตนเข้าไปที่สถาบัน ตนจะเข้าไปคุยกับอาจารย์ เพื่อจะขอย้ายให้ลูกตนไปอยู่สถาบันอีกเขต ได้มีการพูดคุยกับอาจารย์
หลังจากที่ลงมาจากตึก กลุ่มผู้ก่อเหตุตะโกนเข้ามาและเดินปรี่เข้ามาบอกว่า xxท้าxหรอ หลังจากนั้นก็กระทืบลูกตนทันที และภรรยาของตนได้มีการขอบัตรประชาชนของน้องคืน แต่กลับถูกกระทืบก่อน แต่ก่อนจะถูกกระทืบมีเบอร์โทรเข้ามาเป็นกลุ่ม ผู้ก่อเหตุบอกว่าเค้าอยู่บางพังและท้าตนว่ากล้ามาหาไหมและอ้างว่ารู้จักกับรุ่นใหญ่ ซึ่งตนก็รู้จักและตนก็ได้มีการโทรไปถามผู้ใหญ่ว่าจะขอเคลียร์กัน เพื่อที่จะให้ลูกตอนออกจากระบบ เพราะลูกตนอยากเรียนต่อ ซึ่งมีการนัดกันว่าจะคุยกันแต่ก็กลับถูกกระทืบในสถาบัน
ลูกตนถูกกระทืบประมาณ 20 คน โดนรุมต่อหน้าอาจารย์ และตนจะเข้าไปป้องลูกก็โดนไปด้วย ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นได้แต่ยืนดูทำอะไรไม่ได้ หลังจากเกิดเรื่องตนได้พาลูกมาหาหมอที่โรงพยาบาลมีอาการปวดศีรษะเพราะถูกกระทืบที่หัวหลายครั้ง ส่วนบาดแผลของตนถูกรุมกระทืบที่หน้ากกหูแขนนิ้วมือและนิ้วเท้า ตอนนี้ตนรู้สึกเสียใจมากเพราะที่ไปสถาบันไม่เคยคิดจะไปมีเรื่องกับเด็ก เพราะตั้งใจจะย้ายสถาบันให้ลูกเพราะลูกอยากเรียนมากๆ
จากที่ตนสอบถามลูกเรื่องการรับระบบ ลูกบอกว่าทางรุ่นพี่มีการรวมเงินกันไว้ เพื่อเป็นการประกันตัวของคนที่ไปก่อเหตุและเอาไว้จ้างทนาย เหมือนเป็นเงินสโมสรเก็บไว้เพื่อใช้ใช้จ่ายให้กับเด็กพวกนี้ ส่วนสาเหตุที่ลูกตนโดนมาหนัก เพราะว่ารุ่นพี่บอกว่าน้องเอาสถาบันไปขาย แต่น้องไม่ได้ทำตอนนี้จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะตนคิดว่าเด็กกลุ่มนี้ ไปทำแบบนี้กับคนอื่นมาเยอะพอสมควรแต่ไม่มีใครกล้าออกมาพูด
ซึ่งฟังจากหลายคน มีคนโดนเยอะ แต่ไม่กล้าบอกผู้ปกครองเพราะโดนข่มขู่จากรุ่นพี่ ตอนนี้ห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะทางกลุ่มผู้ก่อเหตุรู้จักบ้านของตนและถ่ายทะเบียนรถไว้หมด จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการให้จริงจัง เพราะสถาบันนี้หลายครั้งแล้ว ตอนนี้ตนเสียความรู้สึกมาก เพราะเลี้ยงลูกกว่าจะโตแต่กลับมาถูกกระทำแบบนี้ ถ้าตนคิดว่าจะไปมีเรื่องกับเด็กกลุ่มนี้ตนจะไม่เอาภรรยาและลูกไปด้วย ตนคงยกพวกไปด้วยถ้าจะมีเรื่อง
และงงว่าทางสถาบันทำอะไรไม่ได้เลยที่ตนและลูกถูกกระทืบต่อหน้าอาจารย์ และ ส่วนเสื้อที่ตนใส่เป็นของนายกโก๊ะท่าทราย ที่ตนใส่ไปเพราะว่าจะเป็นเกราะคุ้มกัน อาจจะคนรู้จักนายกโก๊ะ แต่มันก็ไม่สนใจ แต่ตน ก็ไม่ได้จะใส่ไปเพื่อเบ่งหรือไปข่ม และตนก็ใส่อยู่ตลอดเวลาในนนทบุรีพื้นที่จะรู้จักนายกโก๊ะกันหมด เค้าเป็นคนดี แต่เรื่องไม่เกี่ยวข้องกับนายกโก๊ะ จนใส่ไปเพราะหวังว่าอาจจะรู้จักแล้วจะคุยกันได้ และตนไม่เคยไปอ้างถึงนายกโก๊ะท่าทรายเพื่อไปโชว์และไปข่มขู่ใคร ถ้าตนจะไปกร่าง ตนยกพวกไปทั้งหมด เสื้อตัวนี้ก็เหมือนยันต์เพื่อป้องกันตัวเท่านั้น
น.ส.นริสา แม่ผู้เสียหาย เล่าว่า ตอนน้องไตเติ้ลเรียน ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับตน แต่เมื่อน้องไม่ไหว มาบอกกับตนว่ารับระบบไม่ได้แล้ว น้องมาบอกทีละอย่าง ซึ่งวันนี้น้องได้เข้าไปที่โรงเรียนตามปกติ เพื่อเข้าไปหารุ่นพี่และจะขอเบอร์รุ่นพี่ให้ตน เพื่อให้ตนมาคุยให้น้องออกจากระบบ เพราะน้องกลัวว่า ถ้าน้องเป็นคนไปบอกรุ่นพี่เองกลัวจะโดนทำร้าย หลังจากนั้นน้องได้กลับมาบ้าน น้องมาเล่าให้ฟังว่าโดนทำร้ายอะไรมาบ้าน ทางรุ่นพี่บอกว่าน้องขายสถาบันตัวเอง จึงทำการจับน้องทรมานโดยใช้มือดึงขนคิ้วทีละเส้นเพื่อให้น้องพูด แต่น้องบอกว่าไม่ได้เอาสถาบันไปขายตามที่บอก และโดนรุมต่อยทีละคน เอาบัตรประชาชน กับพาวเวอร์แบงค์ไป และรุ่นพี่ได้พูดขู่ว่าไม่ต้องให้แม่โทรมา และให้แม่เตรียมรับศพที่หน้าโรงเรียน
ตนจึงได้โทรไปหารุ่นพี่ เขาบอกว่าเขาไม่ได้บังคับน้องให้เข้าระบบ และบอกว่าถ้าน้องอยากออกให้ออกได้เลยแล้วให้ต่างคนต่างอยู่ แต่จะไม่คุ้มครองลูกตนถ้าโดนเด็กคนอื่นกระทืบ เขาบอกว่าเขาอยากให้น้องเรียน แต่สิ่งที่ตนโดนกระทำวันนี้คือเขาโกหกทั้งหมด ซึ่งระบบนี้เป็นของรุ่นพี่ที่จัดตั้งกันเอง มาบังคับน้อง ถ้าออกจากระบบก็อยู่สถาบันนี้ไม่ได้ และขู่ว่าจะกระทืบเอาให้ตายเพราะรู้ที่ิยู่บ้านตน
ซึ่งเหตุการณ์วันนี้ตนและสามีและลูกเข้าไปที่สถาบันเพราะว่าจะไปคุยกับทางอาจารย์ว่าขอให้น้องย้ายสถาบันไปอยู่อีกฝั่งนึง หลังจากที่ไปแจ้งอาจารย์แล้ว มีกลุ่มผู้ก่อเหตุเดินเข้ามาหาตนและลูก และตะโกนบอกว่า xxท้าxหรอ และก็เข้ามาทำน้องเลย แต่ตนกั้นไม่ได้เพราะเขาเข้ามารุมมากกว่า 10 คน น้องล้มลงไปกับพื้นแล้ว ตนก็พยายามจะเอาตัวเข้าไปกั้น แต่ก็โดนดึงออกอยู่ตลอด ตนจึงกราบเท้าพวกกลุ่มก่อเหตุและขอให้เขาหยุด เขาจึงหยุดกระทืบน้อง
ซึ่งตนมองว่าทั้งหมดเกินกว่าเหตุไปมาก เพราะเหตุเกิดในสถาบัน ไม่คิดว่าจะทำกันได้ หลังจากเกิดเหตุทางกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ทำโทรศัพท์ตกไว้ ตนจึงหยิบมาด้วย และเข้าไปแจ้งความ ซึ่งขณะที่เข้าแจ้งความ ได้มีกลุ่มผู้ก่อเหตุเข้ามาที่โรงพักเพื่อมาติดต่อเอาโทรศัพท์คืน และยอมรับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเป็นคนที่กระทืบลูกตน แต่ตำรวจก็ให้เขากลับบ้านไป ไม่ยอมจับและบอกตนว่าต้องรอหลักฐานกล้องวงจรปิดด้วย ไม่สามารถอายัดตัวคนก่อเหตุได้ ตนจึงมองว่าไม่สมควร เพราะมีหลักฐานขนาดนี้และยอมรับว่ากระทืบแต่ก็ถูกปล่อยตัว
ตนสงสารลูกเพราะตอนรับระบบลูกตนโดนมาตลอด น้องบอกว่าต้องไปรับระบบที่เซฟเฮ้าท์ รับระบบเหมือนทหาร เผาขนรักแร้ เผาขนอวัยวะเพศ และเอาสีพ่นตัว และปั๊มเฟืองที่หน้าอก และสั่งวิดพื้น ให้ลูกตนไปแต่เช้าเข้าไปนั่งอยู่ในป่าให้ยุงกัด และทุกวันศุกร์จะต้องไปตลอด และบังคับน้องให้บอกกับตนว่าเตะบอลกับเพื่อนอยู่ แต่ความจริงคือรับระบบอยู่
ตอนนี้ตนจะเอาเรื่องคดีให้ถึงที่สุด เพราะเขาก่อเหตุในสถาบันและไม่เกรงกลัวว่าใครเป็นใคร ซึ่งพ่อกับแม่ก็อยู่กับน้องด้วย ซึ่งอาการน้องตอนนี้ต้องรอสแกนสมอง เย็บปาก 4 เข็ม และ นอนโรงพยาบาล ส่วนทางด้านสถาบันบอกว่าจะนำกล้องวงจรปิดมาเปิดให้ที่โรงพัก และแจ้งความเอาเรื่องเพิ่มกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ
ส่วนทางด้าน นายไตเติ้ล อายุ 20 ปี เปิดใจกับทีมข่าว หลังจากเพิ่งฟื้นและได้สติ จากการถูกรุ่นพี่รุมทำร้ายกระทืบที่บริเวณศีรษะและใบหน้า ปากแตกเย็บ 4 เข็ม ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนแพทย์ต้องทำการเอกซเรย์และรอดูอาการ ส่วนตามร่างกายฟกช้ำ ซึ่งเหตุการณ์ความรุนแรงนี้เกิดขึ้น ภายในมหาวิทยาลัย ต่อหน้าอาจารย์ ผู้ปกครอง และนักศึกษา
โดยไตเติ้ลเปิดเผย ถึงปมเหตุที่ตนเองมีเรื่องมีราวกับรุ่นพี่ จนไม่ขอทนกับระบบ รุ่นพี่รุ่นน้องอีกต่อไป จึงได้พาผู้ปกครอง ไปพูดคุยกับอาจารย์ ที่มหาวิทยาลัยอาชีวศึกษาแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนนทบุรี ว่า ได้ไป นั่งเล่นกับเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ โดยเพื่อนคนดังกล่าวอยู่ต่างสถาบันกัน และมีคนในสถาบันเดียวกับเติ้ลไปเห็น ทำให้รุ่นพี่มาตักเตือน เรียกเติ้ลไปหลังอาคารเรียน บอกให้เลิกคบกับเพื่อนที่อยู่ต่างสถาบัน แต่เติ้ลอธิบายแล้วว่าเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ได้คิดถึงเรื่องสถาบัน ทำให้รุ่นพี่ไม่พอใจ คิดว่าเติ้ลนำข้อมูลในสถาบันไปเปิดเผยจึงเตะต่อยเติ้ล
ถูกบังคับให้กินดินในกระถางต้นไม้ และได้ด่าเอ่ยคำพูดถึงแม่ว่า "ไม่ต้องให้แม่xxมารับที่โรงพยาบาลหรอก ให้มารับศพที่วัดเลย" เติ้ลจึงยอมรับว่าเมื่อได้ยินคำนี้ก็รู้สึกไม่พอใจและไม่ยอม จากนั้นเติ้ลได้ขอกลับบ้าน ทางรุ่นพี่ก็ได้ยึดบัตรประชาชน ยึดโทรศัพท์มือถือไป และตามเติ้ลไปถึงที่บ้านเพื่อไปถ่ายภาพหน้าบ้าน จากนั้นถึงคืนโทรศัพท์มือถือให้ พอเติ้ลได้กลับมาบ้านและบอกกับแม่ว่าไม่ขอทนแล้ว จึงเล่าพฤติการณ์ทุกอย่าง ของลัทธิรุ่นพี่รุ่นน้องในองค์กร โดยยังบอกอีกว่า ในมหาวิทยาลัย รุ่นพี่จะมีการเรียกเก็บเงิน สัปดาห์ละ 100 บาท เป็นเงินกองทุนเข้าสู่องค์กรไว้ ช่วยเหลือ ประกันตัว นักศึกษาที่ก่อเหตุ นอกจากนี้ก็มีการเก็บเงินค่ากิจกรรม เช่นค่าดอกบัว, ค่าผ้า 7 สีและตี 4 ต้องตื่นมาล้างองค์พ่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของสถาบัน ที่สำคัญจะมีการอบรมให้เรารักในระบบเพราะเราเชื่อ และมีการให้ฝึกร่างกายที่ด้านนอกมหาวิทยาลัยเหมือนทหาร เช่น อยู่ในป่าอยู่ในวัด ฝึกความอดทนถูกยุงกัดท่ามกลางยุงกัด
จากนั้น ก็จะพาขึ้นหอ ก็คือการท่องกลอนและร้องเพลงหากท่องไม่ได้จะถูกจุดไฟเผาอวัยวะเพศและถูกสีสเปรย์พ่น ที่บริเวณอวัยวะเพศ