หนุ่มเครียดปัญหาครอบครัว คว้ามีดปักอกสยอง แฟนสาวเผยปมสุดเศร้าก่อนก่อเหตุ | คมชัดลึก

21 ส.ค. 2567 เมื่อเวลา 07.30น. ร.ต.อ.ภัณณิพงศ์ จิตร์ตารานนท์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ได้รับแจ้งมีเหตุมีคนทำร้ายตัวเองถึงแก่ความตาย เหตุเกิดบริเวณ บ้านเช่าภายในหมู่บ้านฟ้าคราม ซอย.14 (ข) ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

 

 

หลังรับแจ้งจึงรีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรจพิสูจน์หลักฐาน 1 ปทุมธานี แพทย์เวรจากโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียวแบบปูนเนื้อที่ 55 ตารางวา ภายในบ้านกลางห้องโถงพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย

 

 

 

 

ทราบชื่อต่อมานาย กิตติพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ในบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 18 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี แต่งกายเสื้อคอปกแขนสั้นสีดำ กางเกงสีดำขาสั้น และพบบาดแผลมีอาวุธมีดปักบริเวณกลางอก 2 เล่ม เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

 

 

จากการสอบถามแฟนสาวผู้เสียชีวิตชื่อ น.ส. ขนิตา (กิ๊บ) อายุ 36ปี เล่าว่าตนเองและผู้ตายมีอาชีพขายข้าวผัดกะเพรา ห่อละ 20 บาท อยู่บริเวณปากซอยหมู่บ้านฟ้าคราม สาเหตุคาดว่าแฟนหนุ่มคงเครียดสะสมเนื่องจากก่อนหน้านี้อยู่บ้านแม่ แม่จะขายบ้านให้ แต่แพงเกินไปจึงไม่ซื้อ แล้วพากันแยกออกมาเช่าบ้านอยู่ภายในซอย 14 (ข)ในหมู่บ้านฟ้าคราม ประมาณ 4 เดือน แต่แฟนตนก็มีพฤติกรรมพูดเพ้อต่างๆ นาๆ รวมถึง พ่อของผู้ตายนั้นชอบมาเล่าเรื่องเครียดๆ ให้ฟังที่ร้านเป็นประจำ

 

 

 

พักหลังสังเกตเห็นอาการไม่ดี ก็โทรบอกเพื่อนผู้ตายให้มาเที่ยวหาพูดคุยด้วยตลอด จนเมื่อเช้าแฟนตนเองได้ทำร้ายสุนัขที่เลี้ยงไว้ที่บ้าน ตนเห็นจึงตกใจวิ่งหลบหนีออกมาจากบ้าน แล้วโทรแจ้งเพื่อนของแฟนให้รีบเข้ามาดู เมื่อมาดูก็พบว่าชีวิตแล้ว

 

 

จากการสอบถาม แบงค์ อายุ 36 ปี เพื่อนคนตาย เล่าว่าขณะที่ตนรับสายโทรศัพท์จากแฟนผู้ตาย ตนได้ขับรถออกมาจากบ้านไม่ถึง 10 นาที มาถึงบ้านรีบวิ่งขึ้นไปดู พบสุนัขวิ่งสวนลงมา ตนจึงเข้าไปกลางห้องพบร่างผู้ตายนอนคว่ำหน้าอยู่ จึงจับผู้ตายพลิกหงายขึ้น พบว่าเสียชีวิตแล้ว จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้ามาตรวจสอบในที่เกิดเหตุ

 

ทางด้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการบันทึกภาพในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะติดต่อแม่ผู้เสียชีวิต รวมถึงจะสอบสวนผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุทั้งหมด ก่อนที่จะมอบร่างผู้เสียชีวิตให้มูลนิธิร่วมกตัญญู นำส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชต่อไป