ลูกสาวโร่แจ้งความ ผู้ใหญ่หมา ตบแม่ ฟันร่วง 1 ซี่ ฉุนจูงวัวกินหญ้าที่เดียวกัน
ลูกสาวโร่แจ้งความเอาผิด ผู้ใหญ่บ้านหัวร้อน ตบแม่เจ็บสาหัส ฟันร่วง 1 ซี่ สาเหตุ จูงวัวเลี้ยงที่เดียวกัน ด้านเจ้าของที่สงสัยผู้ใหญ่หมาหวงที่กินหญ้า
27 สิงหาคม 2567 นางสาววรรณา (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ได้นำนางเกษม (สงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี ผู้เป็นแม่ ส่ง โรงพยาบาลพัทลุง หลังได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายร่างกาย จนเลือดกบปาก ฟันหักไป 1 ซี่ นอกจากนั้นบริเวณร่างกายและใบหน้ามีบาดแผลฟกช้ำ น่วมไปทั้งตัว ล่าสุด แพทย์ ต้องให้น้ำเกลือ และให้นอนรักษาตัวที่ รพ พัทลุง
นางสาว วรรณา ลูกสาว กล่าว่าผู้ก่อเหตุคือผู้ใหญ่หมา หรือนายพงษ์พันธ์ (สงวนนามสกุล) ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 2 ตำบลท่าแค อ เมือง จ พัทลุง ซึ่งก่อนเกิดเหตุขณะที่นางเกษม ผู้เป็นแม่ กำลังไปเอาฝูงวัวที่ล่ามไว้บนที่ดินของเพื่อนบ้าน กลับเข้าคอก ก็ได้เจอกับผู้ใหญ่บ้าน กำลังไปต้อนฝูงวัว ที่ปล่อยเลี้ยงไว้ในที่ดินแห่งเดียวกันกลับเข้าคอกเช่นกัน
ขณะที่นางเกษม กำลังต้อนวัวอยู่นั้น ผู้ใหญ่บ้านได้เข้ามาต่อว่า ทำนองไม่พอใจที่นางเกษม เอาฝูงวัวที่เลี้ยงมาปล่อยเลี้ยงในที่ดินแห่งเดียวกัน และห้ามไม่ให้นางเกษม นำวัวมาปล่อยเลี้ยงที่ดินดังกล่าวอีก แต่ผู้เป็นแม่บอกว่า ขออนุญาตเจ้าของที่แล้ว หากจะอย่างไร ให้เจ้าของที่ มาพูดกับเธอเอง และเธอบอกว่าวัวของเธอมีไม่กี่ตัว พ่อของผู้ใหญ่บ้านมีวัวที่นำมาเลี้ยงในที่ดินดังกล่าวมากกว่าอีก
เธอยืนยันจะเลี้ยงในที่ดินดังกล่าว จนเกิดการโต้เถียงกันขึ้นทำให้ผู้ใหญ่บ้านไม่พอใจ เดินเข้าไปทำร้ายร่างกายแม่ ทั้งเตะทั้งต่อย ตบ และถีบ จนแม่ล้อม ต้องยกมือไหว้ ร้องขอชีวิต ห้ามว่าอย่าทำร้ายเธอ อย่าทำแบบนี้เพราะไม่ใช่ใครมาจากไหน คนในหมู่บ้านเดียวกัน ทั้งเธอคือลูกบ้าน แต่ผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ฟัง แม่ร้องขอความช่วยเหลือก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย หลังซ้อมแม่จนหนำใจ ยังขู่แม่ด้วยว่า หากเรื่องนี้ถึงโรงพัก จะเอาให้ถึงที่สุด
ขณะที่นางสาววรรณา ลูกสาว ยังกล่าวอีกว่า ตอนนี้เธอเองและครอบครัว รู้สึกหวาดกลัว เพราะผู้ใหญ่มีอิทธิพลในพื้นที่ แต่เธอก็ขอแจ้งความ เพราะ ผู้ใหญ่บ้าน ทำเกินไป มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำและครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เมื่อประมาณเกือบ 10 ปี นางเกษม เคยถูกบิดาของผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว ตบหน้าหลังทะเลาะกันเรื่องวัวของเธอไปกินหญ้าที่แปลงของครอบครัว ผู้ใหญ่บ้าน เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ทั้งสองครอบครัวมีเรื่องระหองระแหงกันมาบ่อยครั้ง
ต่อมาเมื่อเวลา 22.00 น. ของวันเดียวกัน หลังจากแพทย์ให้แม่นอนพักฟื้นที่ รพ.พัทลุง นางสาววรรณา ลูกสาว จึงได้เดินทางไปแจ้งความต่อ ร.ต.อ.วัลลภ ยั่งยืน ร้อยเวร สภ.เมือง พัทลุง เพื่อดำเนินคดีกับผู้ใหญ่บ้าน ที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกานแม่แล้ว
ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมนำตัวแม่มาสอบสวนเพิ่มเติมหลังจากแพทย์อนุญาติให้ออก จาก โรงพยาบาล เพื่อมาให้ปากคำ พร้อมทั้งเรียกผู้ใหญ่บ้านมาสอบสวนและตั้งข้อกล่าวหาต่อไป
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถาม นางสุวรรณดี อายุ 65 ปี ชาวบ้านตำบลท่าแค อ.เมืองพัทลุง เจ้าของที่ดินกล่าวว่า ในเบื้องต้นเพิ่งทราบเรื่องจากข่าวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยไม่ทราบรายละเอียด แต่ในฐานะเจ้าของที่ดินไม่เคยห้ามหรือร้องเรียนผู้ใหญ่บ้านในเรื่องการเลี้ยงวัวในสวนยาง เพราะที่ผ่านมาตนไม่เคยได้รับผลกระทบอะไร ซึ่งเจ้าของที่ดินยังได้ตั้งข้อสงสัยอีกว่า เป็นไปได้ไหมที่ ผู้ใหญ่บ้าน จะหวงทีดินเอาไว้สำหรับเลี้ยงวัวของพ่อตัวเอง
ด้านนายภักดิ์ อายุ 70 ปี พ่อผู้ใหญ่หมา หรือนายพงพันธุ์ กล่าวว่า เข้าใจเลยว่าผู้เสียหายมีนิสัยอย่างไร กับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นตนเชื่อว่าลูกชายคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เนื่องจากอีกฝ่ายคงจะด่าทอหรือต่อว่า ที่ลูกชายไปเป็นคนกลาง ที่ลูกบ้านร้องให้ช่วยตักเตือนคนเลี้ยงว่าอย่าเอามาเลี้ยงในสวนยางพาราเพราะจะมีผลกระทบ แต่หลังจากเตือนคงจะมีการด่าทอ ลูกชายในฐานะผู้ใหญ่เลยทนไม่ไหวทำร้ายร่างกายดังกล่าว
ขณะที่นางสาว ศรอนงค์ สงสมพันธ์ นายอำเภอเมืองพัทลุง กล่าวว่าเบื้องต้นได้เรียกนายพงพันธุ์หรือ ผู้ใหญ่หมา มาสอบถามเกี่ยวกับเหตุณ์กระทำความรุนแรงแล้วในเบื้องต้น โดยผู้ใหญ่หมาบอกตนเป็นแค่คนกลางเพื่อไปคุยไม่ให้ผู้เสียหายนำวัวไปเลี้ยง แต่ก็ถูกด่าทอเลยเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ทำร้ายร่างกายดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ในฐานะนายอำเภอได้ว่ากล่าวตักเตือนผู้ใหญ่บ้านในการใช้ความรุนแรง และต้องระลึกอยู่เสมอว่าเราเป็นผู้ใหญ่บ้านเป็นนักปกครอง โดยหลังจากนี้จะได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงให้เสร็จภายใน 15 วัน เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บ ตนต้องลงไปดูแลและเยียวยาเพื่อเป็นกำลังในการที่ถูกกระทำความรุนแรง