ข่าว

4 พ่อแม่ลูก ร้อง "กัน จอมพลัง" ถูกหนุ่มข้าราชการข้างบ้าน คุกคามมานานกว่า 10 ปี

01 ก.ย. 2567

4 พ่อแม่ลูก ร้อง "กัน จอมพลัง" ถูกหนุ่มข้าราชการข้างบ้าน ลูกชายตำรวจ คุกคามมานานกว่า 10 ปี

1 ก.ย. 2567 เมื่อเวลา 13.00 น. พ่อแม่ลูกรวม 4 ชีวิต เดินทางจาก จ.นครราชสีมา มาขอความช่วยเหลือจาก นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ "กัน จอมพลัง" หลังถูกหนุ่มข้าราชการข้างบ้านคุกคาม เอาขวดปามาในบ้านตอนกลางคืน นำปืนมาชักสไลด์ กวาดขยะเอามาเทในบ้าน เอาเลเซอร์มาส่องใส่กล้องวงจรปิด ยังเคยทำร้ายร่างกายคนในครอบครัว แจ้งหลายหน่วยงานให้เข้ามาดำเนินการแต่กลับได้คำตอบให้ไปฟ้องกันเอง ซ้ำถูกฟ้องดำเนินคดีเสียเอง

ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นแม่ อายุ 50 ปี เล่าเหตุการณ์ว่า เหตุการณ์เริ่มมีปัญหาตั้งแต่ 2561 จากลูกสาวคนเล็กเกิดโทรศัพท์เสีย จึงไปยืมโทรศัพท์ของนายกร ซึ่งเป็นลูกนายตำรวจที่เป็นเพื่อนบ้านกันมานาน 10 ปี ลูกสาวได้ใช้ 3-4 วัน หลังจากนั้นนายกร ลูกชายนายตำรวจมาแจ้งว่าโทรศัพท์เสีย จะต้องส่งไปซ่อมที่สิงคโปร์เป็นยอดเงิน 1,600 บาท ซึ่งตอนนั้นตัวเองยินดีที่จะชดใช้ให้
 

4 พ่อแม่ลูก ร้อง \"กัน จอมพลัง\" ถูกหนุ่มข้าราชการข้างบ้าน คุกคามมานานกว่า 10 ปี



ทั้งนี้ ฝั่งของแม่ได้พูดกับลูกสาวว่าไม่ชอบพฤติกรรมของลูกที่ไปเอาโทรศัพท์คนอื่นไปใช้ จึงลงโทษลูกโดยต้องเอาเงินเก็บของลูกสาวมาใช้ เพราะไม่อยากลงโทษด้วยการตี แต่ในช่วงที่เขาทวงมาในวันนั้นแม่ไม่สบาย เมื่อเขาแชทมาทวงถามเรื่องเงิน ทางแม่ไม่ได้เปิดแชทอ่านเพียงหนึ่งวัน หลังจากนั้นเขาก็ไปฟ้องพ่อเขาซึ่งเป็นนายตำรวจว่าทางฝ่ายเราไม่รับผิดชอบเรื่องโทรศัพท์

 

 

ผู้เสียหาย เล่าอีกว่า หลังจากนั้นมีประเด็นกับนายตำรวจผู้เป็นพ่อ หลังจากที่ฝ่ายตัวเองไปแจ้งความกับหลานเขาในข้อหาหมิ่นประมาท เนื่องจากมีการโพสต์ด่ากันผ่านทางเฟซบุ๊ก จึงไปแจ้งความที่โรงพักแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ทางนายตำรวจคนดังกล่าวได้เข้ามารับทำคดีให้ ส่วนที่แจ้งความดำเนินคดีเพราะไม่อยากได้เงิน แต่ต้องการให้คู่กรณีมาขอขมาหรือขอโทษเท่านั้น แต่ทางตำรวจได้ไกล่เกลี่ยให้ตกลงยอมความกันที่ยอดเงิน จำนวน 30,000 บาท

ทั้งนี้ ฝ่ายตัวเองบอกว่าหากได้เงินมาจะนำเงินดังกล่าวไปทำบุญ แต่เมื่อได้เงินมาก็ยังไม่ได้มีการนำไปทำบุญ หลังจากนั้นนายตำรวจคนนี้ก็มาทวงถามเรื่องเงินส่วนหนึ่งที่จะนำไปทำบุญแต่ก็ไม่ได้ให้กัน จากนั้นกลายเป็นประเด็นมาเรื่อยๆ และเกิดความไม่พอใจซึ่งกันและกัน เพราะไม่ได้นำเงินในส่วนนั้นไปให้

ผู้เสียหาย เล่าอีกว่า ครอบครัวโดนระรานมาเรื่อยๆ 4 ครั้ง ครั้งแรกที่ได้ทำบุญขึ้นบ้านใหม่โดนถูกปาขวดเข้ามาในบ้านทำให้เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นกระจกแตกร้าว จึงได้ไปแจ้งความดำเนินคดี แต่กว่าจะขึ้นศาลก็ใช้เวลานาน โดยตำรวจบอกว่าให้ไปพูดคุยกันก่อน เมื่อไปแจ้งความทีหลังก็อ้างว่าคดีขาดอายุความ เนื่องจากไปแจ้งความในคดีอาญาเกินกว่า 90 วัน
 

4 พ่อแม่ลูก ร้อง \"กัน จอมพลัง\" ถูกหนุ่มข้าราชการข้างบ้าน คุกคามมานานกว่า 10 ปี


จุดประสงค์ที่ไปแจ้งความเพราะเห็นว่าใครทำ โดยเห็นว่าเป็นลูกนายตำรวจเพื่อนบ้าน จึงมีการชะลอเรื่องเอาไว้ทำให้คดีขาดอายุความ ตัวเองจึงไปร้องเรียนกับทางผู้กำกับการว่ามีเจตนาที่จะดำเนินคดีทำไมไม่ทำเรื่องให้ หลังจากนั้นก็มีการทำเอกสารกลับมาว่าจะทำเรื่องให้ หลังจากที่เริ่มมีปัญหาโคมไฟหน้าบ้านก็ถูกทุบและมีการกดกริ่งเรียกคนในบ้านแต่ตัวเองไม่ทราบว่าเป็นใคร ในเวลานั้นมีเรื่องเพียงแต่กับเขา 

 

 

จากนั้นก็ถูกทุบกล้องวงจรปิดก็ไปแจ้งความอีก แต่ทางโรงพักดังกล่าวบอกว่าหลักฐานไม่ชัดเจน และต่อมาก็มีการขว้างขวดโซดามาที่บ้าน 3-4 ขวด ทั้งนี้เห็นว่าใครเป็นคนทำ เพราะทุกคนอยู่ในบ้าน ได้ใช้เป็นกล้องมือถือถ่ายคลิปเอาไว้เห็นว่านายกร เป็นคนทำ จากนั้นก็โดนทั้งทิ้งขยะขว้างเข้ามาเต็มบ้าน โยนไฟที่เอาผ้าใส่ในกระป๋องที่มีน้ำมันโยนเข้ามาในบ้าน จึงไปแจ้งความเอาไว้แต่ทางตำรวจบอกว่าหลักฐานไม่ชัดเจน ไม่เห็นคนทำจึงให้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้

ต่อมาต้องพาครอบครัวไปย้ายไปอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี เพราะอยู่ไม่ได้ ส่วนลูกสาวคนโตไปเรียนที่เชียงราย ลูกสาวคนเล็กมาเรียนที่กรุงเทพฯ ระหว่างที่มีปัญหาระหว่างกันฝ่ายตัวเองถูกแจ้งดำเนินคดีไป 10 กว่าคดีภายในปี 2561 ถึง 2562 โดยผู้เป็นพ่อโดนแจ้งความ 3 คดี ลูกสาว 2 คดี ส่วนตนเองโดนไป 9 คดี ส่วนใหญ่เป็นข้อหาแจ้งความเท็จ เพราะที่ไปแจ้งความหลักฐานไม่ชัดเจน เขาจึงแจ้งความกลับ
 

4 พ่อแม่ลูก ร้อง \"กัน จอมพลัง\" ถูกหนุ่มข้าราชการข้างบ้าน คุกคามมานานกว่า 10 ปี

ระหว่างที่กำลังไปแจ้งความกรณีที่โดนขว้างขวดมาที่บ้าน นายกรก็มาเดินโวยวายว่าเป็นลูกสารวัตร และเดินมาข้างหลังพ่อพยายามจะตบหัว แต่กลับกลายเป็นว่าพ่อถูกดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกาย เพราะเอามือสะบัดไปโดนเขาเนื่องจากตกใจ ในคดีขว้างขวดโซดา ศาลลงโทษเสียค่าปรับไป 300 กว่าบาท ส่วนคดีของฝั่งตัวเองศาลยกฟ้องเพราะไม่มีเจตนา จากการตรวจสอบพบว่านายกรมีพ่อเป็นสารวัตรจริง โดยเป็นสารวัตรสอบสวนในโรงพักที่ไปแจ้งความ ก่อนที่จะย้ายไปปฎิบัติหน้าที่ที่โรงพักอื่น

"ส่วนตัวรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ในส่วนที่ตัวเองไปแจ้งความดำเนินคดี บางคดีต้องติดตามนานกว่า 2 ปี ปัจจุบันครอบครัวก็ยังคุกคามอยู่ ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ส.ค. โดนคุกคามและโดนคดีจนไม่มีเวลาทำมาหากิน และเป็นห่วงลูกสาว เพราะบางวันก็มีขยะโยนเข้ามาในบ้าน อยากให้เขาหยุดทำพฤติกรรมคุกคาม ให้ต่างคนต่างอยู่ และอยากให้เอาต้นไม้ที่ปลูกขวางทางเข้าบ้านออก"

กัน จอมพลัง กล่าวว่า เท่าที่จับใจความได้คือมีปัญหาเรื่องคดี แจ้งความกันไปกันมา ทั้งนี้ตัวเองจะประสานไปยังอธิบดีอัยการคุ้มครองสิทธิ เพื่อมาคุยกันเรื่องคดีว่าจะจบลงอย่างไรเพราะถ้าแจ้งกันไปกันมาก็เสียเวลากันทั้งคู่ จากที่ดูคลิปมีการพิพาทกันกินแหนงแคลงใจกันมานาน ไม่มีใครมีความสุขทั้งคู่ หากคุยกันไม่ได้จะประสานไปยังผู้บังคับการจังหวัดนครราชสีมา หากพูดคุยกันไม่ลงตัวจะดำเนินคดีกันอย่างไรให้ถึงที่สุดหรือไม่ก็ว่ากันไป ทั้งนี้จะต้องให้ความเป็นธรรมกับอีกฝ่ายด้วย เพื่อหาทางออกที่ดึ เชื่อว่าปัญหาเพื่อนบ้านจะจบง่ายที่สุดคือการมานั่งพูดคุยกัน

 

 

ชมคลิป