'แม่น้องโยโกะ' หิ้วหลักฐานสำคัญส่ง DSI สืบสาเหตุลูกสาวเสียชีวิตปริศนา | คมชัดลึก

กรณีการเสียชีวิตปริศนาของ น.ส.พราวรวี สหัสธัชพงศ์ หรือ น้องโยโกะ พริตตี้สาว ต่อมาผลการชันสูตรพลิกศพของศูนย์อำนวยการชันสูตรพลิกศพ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุสาเหตุการเสียชีวิต “ภาวะพิษจากไซยาไนด์” ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตัน สรุปสำนวนด้วยการลงท้ายว่า ญาติไม่ติดใจสาเหตุการตาย 

วันนี้ 2 ก.ย. 2567 นางธัญพัฒน์ สหัสธัชพงศ์ มารดาโยโกะ พร้อมด้วยทนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย เข้าพบ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อมอบพยานหลักฐาน และพยานเอกสารเพิ่มเติม ขอให้ตรวจสอบและรับทำคดีการเสียชีวิตของ น.ส.พราวรวี โดยดีเอสไอได้มีหนังสือที่ ยธ.0816/203 ลงวันที่ 5 ก.พ.67 แจ้งการรับเรื่องเบื้องต้น ซึ่งพฤติการณ์ตามคำร้องอาจเข้าข่ายเป็นความผิดอาญาฐานฆ่าผู้อื่น ซึ่งเป็นความผิดทางอาญาอื่นตามประกาศ กคพ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการร้องขอและเสนอให้ กคพ. มีมติให้คดีความผิดทางอาญาใดเป็นคดีพิเศษ พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้เพื่อเป็นการอำนวยความยุติธรรม ดีเอสไอจึงได้ส่งเรื่องให้กองกิจการอำนวยความยุติธรรม เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
 

นางกมลพัฒน์ กล่าวว่า จากผลการชันสูตรพลิกศพของลูกสาว ตรวจพบสารไซยาไนด์ในร่างกาย แต่ตนสงสัยแฟนลูกสาว และการทำงานของตำรวจ สน.คลองตัน ที่แถลงปิดสำนวนว่าลูกสาวฆ่าตัวตายและญาติไม่ติดใจเอาความ แต่ที่จริงแล้วทางครอบครัวยังสงสัยการเสียชีวิตมาโดยตลอด ซึ่งขัดแย้งกับทางตำรวจ ส่วน 26 ประเด็นที่ครอบครัวเคยยื่นเรื่องให้พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ตรวจสอบ ซึ่งมีเพียงบางประเด็นตำรวจแจ้งให้รับทราบ แต่ก็ไม่ใช่ข้อสรุปทางคดี 

ด้านทนายความ เปิดเผยว่า ทางตำรวจ สน.คลองตัน เคยเรียกสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องแต่ละฝ่าย แต่ไม่เคยเรียกสอบปากคำคุณแม่น้องโยโกะที่ยังมีประเด็นสงสัย ทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด หรือ สารไซยาไนด์ที่พบในร่าง กาย และเข้าไปในร่างกายจากทางใด ซึ่งถ้าเป็นตามข่าวคดีอื่นหากรับประทานสารไซยาไนด์เข้าไป จะมีรอยไหม้บริเวณขอบปาก แต่น้องโยโกะไม่มี จึงมีข้อสงสัยอาจมีการใช้ผ่านแคปซูลหรือไม่ 

โดยปกติพนักงานสอบสวนต้องเสาะแสวงหาหลักฐานให้ครบถ้วน รวมทั้งข้อความแชตในโทรศัพท์มือถือ รอยนิ้วมือในการเปิดขวดสารไซยาไนด์ที่มีลักษณะผิดปกติ ซองที่พบมีปรากฏรอยนิ้วมือหลายรอย ครอบครัวยังติดใจ จึงไม่ทราบว่า พนักงานสอบสวนตรวจสอบประเด็นเหล่านี้หรือไม่ แม้แต่ในวันแถลงข่าวปิดคดี คุณแม่ก็ไม่เคยเห็นสำนวนที่ตำรวจสรุปส่งอัยการ เพราะตามหลักการ ตำรวจต้องบอกครอบครัวผู้เสียหายในรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อความสบายใจ แต่ที่ผ่านมาคุณแม่ไม่ทราบอะไรเลย และที่ผ่านมาทางคุณแม่โยโกะยังไม่เคยได้รับการติดต่อกลับจากอดีตแฟนหนุ่มของโยโกะเลยสักครั้ง 

ทั้งนี้เพิ่งทราบว่า ดีเอสไอมีการตั้งเลขสืบสวนไว้แล้ว หลังครอบครัวน้องโยโกะเคยเข้ายื่นเรื่องกับดีเอสไอขอให้รับเป็นคดีพิเศษ เพราะติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของโยโกะ โดยดีเอสไอประสาน สน.คลองตันแล้ว แต่ยังไม่ได้รับข้อมูล ทำให้ดีเอสไออาจมีการลงพื้นที่ตรวจสอบพยานหลักฐานด้วยตัวเองเพื่อเร่งรัดตรวจสอบการทำคดี 

ด้าน พ.ต.ต.วรณัน ระบุว่า ภายหลังจากที่ได้พูดคุยกับคุณแม่ของโยโกะทราบว่า สำนวนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการนั้น จะเป็นสำนวนคดีชันสูตรพลิกศพที่ปัจจุบันอยู่ในชั้นของพนักงานอัยการ ซึ่งจะต้องแยกออกจากที่คุณแม่สงสัยว่า เป็นความผิดทางอาญากรณีที่ลูกสาวเสียชีวิต โดยในส่วนนี้ทางดีเอสไอได้มอบหมายให้กองกิจการอำนวยความยุติธรรม ดำเนินการสืบสวน เพื่อจะดูว่า มีมูลความผิดทางอาญาและเข้าเงื่อนไขที่จะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ 

ทั้งนี้ได้สอบถามไปยัง นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผอ.กองกิจการอำนวยความยุติธรรม ทราบความคืบหน้าว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้มีการประสานเรื่องข้อมูลคดีไปยัง สน.คลองตัน และได้ความคืบหน้าบางประการในคดีพอสมควรแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของผลการชันสูตรพลิกศพ และขั้นตอนการดำเนินการในส่วนของคดีอาญาว่า ตำรวจได้มีการดำเนินการแล้วหรือไม่ 

ส่วนการเสียชีวิต ดีเอสไจะเร่งดำเนินการต่อไป แต่จะมีองค์ประกอบพฤติการณ์ทางคดีเข้าข่ายตามมาตราใดของ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 เช่น เป็นการเสียชีวิตที่มีเหตุซับซ้อนหรือไม่นั้น พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ลักษณะของ พ.ร.บ.ดังกล่าว กำหนดให้การรับคดีพิเศษมี 2 แบบ ประกอบด้วย 1.เป็นคดีที่ดีเอสไอรับดำเนินการเอง 2.กรณีที่คุณแม่สงสัยเป็นการตายจากผู้อื่น หรือเป็นการฆาตกรรมหรือไม่ ซึ่งการจะรับเป็นคดีพิเศษนี้ เรารับเองไม่ได้ เพราะจะต้องประมวลเรื่องเสนอไปยังคณะกรรมการคดีพิเศษดำเนินการพิจารณา หมายความว่า หากหลังจากนี้กองกิจการอำนวยความยุติธรรม สืบสวนเสร็จแล้วจึงจะมีการเสนอไปยังคณะอนุกรรมการกลั่นกรองคดีพิเศษ เพื่อเสนอเข้าสู่บอร์ดคณะกรรมการชุดใหญ่เพื่อรับเป็นคดีพิเศษ ต่อไป

ระหว่างนี้หากมีบุคคลใดที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษเห็นว่า มีเหตุจำเป็นที่จะต้องเชิญมาให้ข้อมูลหรือต้องไปรวบรวมข้อเท็จจริงก็สามารถทำได้ ทำคู่ขนานได้โดยไม่ต้องรอการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตัน เพราะในเชิงคดีอาญา ยังไม่มีการดำเนินการของตำรวจ ฉะนั้น หากผู้ตายไม่ได้ตายด้วยธรรมชาติ อาจมีการจัดฉากวางแผนให้มีการฆาตกรรม ถ้าดีเอสไอสืบสวนแล้วพบว่าการตายน่าจะเกิดจากการกระทำความผิดทางอาญา ก็เป็นหน้าที่ที่ดีเอสไอจะต้องลงไปดูรายละเอียดว่าการตายนั้นเป็นความผิดอาญาจริงหรือไม่ และใครเป็นผู้กระทำความผิดทางอาญา 

ทั้งนี้ ในชั้นการสืบสวนอาจจะไม่มีหมายเรียกผู้ต้องหาออกมา เพราะเจ้าหน้าที่ต้องสืบสวนก่อนว่า มีการกระทำความผิดทางอาญาเกิดขึ้นหรือไม่ และมีความซับซ้อนตามกฏหมายคดีพิเศษที่กำหนดไว้หรือไม่ หากใช่ ก็จะเสนอรับเป็นคดีพิเศษ และเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ข้อเท็จจริง และออกหมายเรียกผู้ต้องหาให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา หลังจากนี้จะประมวลเรื่องความประสงค์ของผู้เสียหายส่งไปยังกองกิจการอำนวยความยุติธรรม เพื่อไปประสานข้อมูลคดีกับ สน.คลองตัน ตามขั้นตอ