ยังไม่พบผู้สูญหาย เหตุเรือขนแรงงานเมียนมา ล่มกลางน้ำโขง | คมชัดลึก

4 ก.ย. 2567 จากกรณี เรือโดยสารรับเหมา พาชาวเมียนมาไม่ต่ำกว่า 50 ชีวิต ออกจากฝั่งลาวลัดเลาะโขงสามเลี่ยมทองคำ คาดกำลังมุ่งหน้าขึ้นฝั่งท่าขี้เหล็กกลับเมียนมา ล่มกลางแม่น้ำโขงจมยกลำ คนเห็นเหตุการณ์ช่วยได้ 10 คน ที่เหลือยังสูญหาย เมื่อเย็นวันที่ 2 ก.ย. 2567

เบื้องต้นมีรายงานว่า เรือที่เกิดเหตุเป็นเรือโดยสารสัญชาติ สปป.ลาว เป็นเรือเหมาพาชาวเมียนมาจำนวนประมาณ 50 คน เดินทางจากฝั่ง สปป.ลาว เลาะริมฝั่งแม่น้ำโขงในเขต สปป.ลาว มุ่งหน้าจะไปทางฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา โดยในวันนี้ 4 ก.ย. 67 เป็นวันที่ 3 แล้วหลังจากเกิดเหตุ ตลอดริมแม่น้ำโขง ทั้งฝั่งไทย และ สปป.ลาว ยังไม่พบผู้รอดชีวิตเพิ่มเติม และยังไม่พบร่างของผู้สูญหาย

 ซึ่งหลายฝ่ายยังคงให้ความสนใจกับเหตุการณ์นี้ ในส่วนกลุ่มคนที่ประสบเหตุเรือล่ม พบว่าเป็นชาวเมียนมา ที่อพยพออกจากเขตเขตเศรษฐกิจพิเศษเนื่องจากไม่ได้มีเอกสารการผ่านแดนที่ถูกต้อง และใบอนุญาติทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่ไปทำงานรับจ้างภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งมีการกวาดล้างผู้กระทำผิดกฎหมายจึงทำให้กลุ่มคนดังกล่าวพยายามหลบหนีออกจากพื้นที่ สปป.ลาว เพื่อกลับไปยังประเทศของตนเอง จนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ. 5 กล่าวว่า ทางตำรวจภูธรภาค 5 ทราบเหตุการณ์แล้ว ซึ่งทราบว่าเป็นการบรรทุกแรงงานชาวเมียนมา ข้ามจากพรมแดน สปป.ลาวมายังชายแดนเมียนมา แต่เกิดอุบัติเหตุเรือล่มระหว่างทาง ซึ่งพบว่ามีผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก และยังมีสูญหายในแม่น้ำโขง แต่ทางการเมียนมาหรือ สปป.ลาว ยังไม่มีประสานขอความช่วยเหลือมายังทางการไทยให้ช่วยเหลือ

ตำรวจเองไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ให้ทางตำรวจประสานทีมงานกู้ภัยช่วยดูแลตลอดแนวน้ำโขง เพื่อช่วยเหลืออีกทาง หากพบเห็นก็ให้ช่วยเหลือทันที แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่พบผู้สูญหาหรือผู้เสียชีวิตเพิ่มแต่อย่างไร

ด้าน พ.ต.ท.บดินทร์ ศรีอ่อน สารวัตร สถานีตำรวจน้ำเชียงแสน เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำเชียงแสน เฝ้าระวัง ตามแนวชายฝั่งในพื้นที่รับผิดชอบในการสอดส่องตรวจตราดูว่ามีผู้รอดชีวิต หรือมีร่างผู้เสียชีวิตเข้ามายังฝั่งไทยหรือไม่ หากพบก็จะได้ประสานกับทางการ สปป.ลาว และพร้อมให้การช่วยเหลือกับผู้รอดชีวิต