เปิดสรรพคุณ “แก่นฝาง” ทำไมกินแล้วเสี่ยงถึงตาย
เปิดสรรพคุณของ “แก่นฝาง” หมอเตือนอย่าดื่ม เสี่ยงถึงชีวิต หลังจากเกิดเหตุสามีภรรยา วูบเสียชีวิต - อาการโคม่า นำส่ง รพ.ตำรวจ ตรวจพิสูจน์
4 ก.ย. 2567 กรณีครอบครัวไชยศิรินทร์ บ้านเกษมสุข ตำบลตาเกษ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ต้มน้ำจากไม้แก่นฝาง ก่อนนำมาชงกาแฟ ดื่มทุกเช้า แต่กลับเกิดอาการวูบ ทั้งสามี - ภรรยา คือ นายมงคล ไชยศิรินทร์ อายุ 44 ปี พักรักษาตัวที่ รพ.ศรีสะเกษ แต่ นางนารี ไชยศิรินทร์ อายุ 49 ปี ภรรยา วูบและเสียชีวิตกะทันหัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 ก.ย.2567 โดยสงสัยว่า เป็นเพราะต้มน้ำจากไม้แก่นฝาง ใช้ชงกาแฟหรือไม่ แต่ก็ดื่มมาตลอดนานนับปี
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ จัดเตรียมส่งกาต้มน้ำแก่นฝาง พร้อมซองกาแฟ ที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุ ส่งตรวจพิสูจน์ ที่ รพ.ตำรวจ แผนกนิติเวช กรุงเทพมหานคร รอผล ราว 15 วัน
ขณะที่ นพ.อัครเดช บุญเย็น ผอ.รพ.อุทุมพรพิสัย ตั้งข้อสังเกตว่า หากไม่มีใครวางยาพิษฆ่ากัน ซองกาแฟก็น่าสงสัย เพราะเชื่อว่าแก่นฝางมีสรรพคุณช่วยกระตุ้นไม่ให้หิวข้าว เพื่อช่วยลดน้ำหนัก หากดื่มมากๆ สะสมก็อาจจะเกิดอาการวูบได้ แต่ถึงอย่างไรก็จะต้องรอผลตรวจจากการ รพ.ตำรวจ ซึ่ง เจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณะสุขจังหวัดศรีสะเกษ ได้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างไปตรวจ ในกรณีการป้องกันด้านอาหารและยา แล้วเช่นกัน
พ.ต.อ.นิลกาฬ พรศักดิ์ ผกก.สภ.อุทุมพรพิสัย เปิดเผยว่า ตามที่มีเหตุสองสามีภรรยาเกิดอาการวูบ ภรรยาเสียชีวิต สามีต้องส่งตัวรักษาในเขตพื้นที่อำเภออุทุมพรพิสัย เมื่อตอนเช้าของวันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2567 สาเหตุจากอากาศได้รับสารพิษ หรือสารอะไรอย่างอื่นหรือไม่ เพราะเป็นเวลา เพื่อให้ได้ความกระจ่างก็ส่งร่างของนางนารี ไปโรงพยาบาลศรีสะเกษ เพื่อเก็บสารอาหารเก็บตัวอย่างเลือด เพื่อไปส่งตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลตำรวจ ก็ต้องรอผล 15 วัน บางคนอาจจะเข้าใจผิดไปให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ว่า เจอสารพิษต่างๆนั้นไม่ใช่ ตนเลยหารือกับทางนายแพทย์โรงพยาบาลพรพิสัย สาเหตุการวูบก็มาจากได้หลายอาการ ทั้งขาดสารอาหาร พักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายก็ต้องดูแล ทำให้อาจจะวูบได้
ซึ่งญาติเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติของอาการวูบ และไม่ติดใจในการเสียชีวิตของนางนารี แต่อย่างใดครอบครัวนี้ก็มีความสุขกันไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง ไม่มียาเสพติดมาเกี่ยวข้อง คงเป็นไปได้ยากที่พ่อ จะวางยาฆ่าลูก หรือลูกจะวางยาฆ่าพ่อแม่ เพื่อเอาประกัน เพื่อเอาเงินใดๆ ก็ไม่มี
แต่ทราบมาว่าภรรยาที่เสียชีวิตก็พยายามที่จะลดน้ำหนัก ตนเองก็อาจจะเป็นสาเหตุของการดื่มกาแฟพักผ่อนไม่เพียงพอ และไม่ทานอาหารก็เป็นได้ แต่ต้องรอผลพิสูจน์อีกที
นพ.อัครเดช บุญเย็น ผอ.รพ.อุทุมพรพิสัย เปิดเผยว่า ทางการแพทย์ มองว่าจะต้องหาสาเหตุของการเสียชีวิตเพิ่มเติม เพราะว่ายังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนของการวูบ การเสียชีวิตกะทันหันเช่นนี้ ก็พยายามดูว่ามีประเด็นอื่นไหม นอกจากการกินกาแฟ การกินแก่นขวาน อุปกรณ์ในการต้มเป็นลักษณะของอาหารเป็นพิษ เพื่อจะหาสาเหตุที่แท้จริง
ในส่วนนี้ทางโรงพยาบาลกับทางสถานีตำรวจภูธรอุทุมพรพิสัย ได้ประสานทำงานร่วมกัน เมื่อช่วงวานตอนเย็นทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ งานควบคุมโรคและคุ้มครองผู้บริโภค ลงมาสอบสวนโรคเก็บตัวอย่างแล้วก็ฝากเฝ้าระวังแก่พี่น้องประชาชน ท่านที่มีการดื่มกาแฟผสมกับน้ำแก่นฝาง อาจเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็อยากจะให้ทุกฝ่ายเฝ้าระวัง หรือช่วงนี้ก็อาจจะงดไปก่อน ทั้งกาแฟทั้งน้ำต้มแก่นฝาง รอดูว่าทางโรงพยาบาลตำรวจ จะแจ้งสาเหตุมาว่าอย่างไรบ้าง พบสารอะไรหรือไม่ แล้วจะได้ประกาศให้พี่น้องประชาชนทราบต่อไป ก็ช่วยกันเฝ้าระวัง
ส่วน นายวรวิช บุตรชายผู้ตาย กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ ตนมาต้มน้ำร้อน โดยการเอาแก่นฝาง ใส่ลงไปในหม้อกาต้มน้ำร้อนปกติ และก็นำมาชงกาแฟดื่มกัน ทุกคนในครอบครัว พ่อ แม่ และตน จากนั้นราว 1 ชั่วโมง พ่อก็มาอาบน้ำ แต่ก็ได้ยินเสียงพ่อล้มในห้องน้ำ เพราะพ่อวูบ ตนกับแม่ก็มาอุ้มพ่อออกจากห้องน้ำ นำไปพักที่เตียงไม้ไผ่ใต้ถุนบ้าน ช่วยนวดจนพ่อฟื้นขึ้นมา
แต่อยู่ๆ แม่ก็วูบเป็นลม แต่ปลุกไม่ฟื้น จึงได้โทร 1669 เรียกรถ รพ.อุทุมพรพิสัย มานำไปรักษา พ่อถูกส่งต่อไป รพ.ศรีสะเกษ ส่วนแม่เสียชีวิต ตนก็ไม่ทราบงาสเกิดอะไรขึ้น แต่มีนักข่าวบางช่องไปเขียนว่า มีการวางยาฆ่ากันในครอบครัว ตนเสียใจมาก เพราะเงินฌาปนกิจศพที่จะได้ ก็ราวๆ 8,000 – 9,000 บาท เฉพาะในหมู่บ้าน ตนพ่อแม่ และน้องสาวตนเล็ก ก็รักกันดี ไม่มีเรื่องทะเลาะกัน ชาวบ้านก็รู้ว่าครอบครัวตนจน แต่ก็ขยันช่วยกันทำงาน ดูแลเลี้ยงครอบครัว วันนี้เสียแม่ ที่เป็นเสาหลัก ยังมาเจอเรื่องแบบนี้อีก เสียใจมากครับ