ข่าว

รวบ “โมริ งิ้วงาม” บัญชีม้า แก๊งดูดเงิน หลอกถ่ายคลิปอนาจาร แลกเงินคืน 2.8 ล้าน

รวบ “โมริ งิ้วงาม” บัญชีม้า แก๊งดูดเงิน หลอกถ่ายคลิปอนาจาร แลกเงินคืน 2.8 ล้าน

06 ก.ย. 2567

สืบนครบาล รวบ “โมริ งิ้วงาม รับจ้างเปิดบัญชีม้าให้ ขบวนการแอบอ้างแพลตฟอร์มดัง ดูดเงินเหยื่อ 2.8 ล้าน ก่อนบังคับถ่ายคลิปหวิว แลกกับการถอนเงินคืน

ขณะจับกุม

6 ก.ย. 2567 สืบนครบาล โดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ผู้การจ๋อ ได้รับการร้องเรียนและขอความช่วยเหลือจากหญิงผู้เสียหาย ตลอดจนทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการ กรณีหญิงผู้เสียหายถูกขบวนการแอบอ้างแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ชื่อดัง และองค์การระดับโลกยูนิเซฟ หลอกให้โอนเงินทำภารกิจ หวังจะได้กำไรสูง แต่เมื่อโอนเงินไป กลับถอนไม่ได้

 

จากนั้นมิจฉาชีพออกอุบายให้ถ่ายคลิปเปลือยกาย แลกกับการถอนเงิน ที่ถูกหลอกโอนไปกว่า 2,800,000 ล้านบาท เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดเมื่อเดือน มี.ค. 2567  จากนั้นผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.2 

จนเมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2567 ศาลจังหวัดนนทบุรี ได้พิจารณาอนุมัติหมายจับผู้ร่วมขบวนการก่อเหตุ จำนวน 5 ราย สืบนครบาล โดยกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. หลังจากได้รับการประสานและสั่งการจากผู้บังคับการสืบนครบาล ได้เร่งสืบสวนติดตามจับกุมตัวได้ในเวลาอันรวดเร็วแล้ว จำนวน 4 ราย ยังคงเหลือผู้ต้องหาบัญชีม้าซึ่งยังหลบหนีอีก 1 ราย

 

ต่อมาจึงสั่งการให้ พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. เร่งรัดให้ พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อม พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี ,พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. เร่งรัดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. รีบสืบสวนจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการที่ถูกออกหมายจับแล้วดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว

 

กระทั่งล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุม น.ส.พรวีนัส หรือ โมริ งิ้วงาม  อายุ 20 ปี ชาว จ.อุตรดิตถ์ ผู้ต้องหา เปิดบัญชีม้าให้กลุ่มคนร้ายไปก่อเหตุ ดำเนินคดีฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน โดยจับกุมตัวได้บริเวณปากซอยห้องเช่าไม่ทราบชื่อ ริมถนนพิทักษ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์

 

จับกุม น.ส.พรวีนัส รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปัจจุบันทำงานเป็นพนักงานดูแลลูกค้าร้านอาหารกลางคืน และงาน Part time ต่างๆ เกี่ยวกับหมายจับที่ตนถูกจับกุม น่าจะเกิดจาก เมื่อช่วงประมาณต้นเดือนมีนาคม 2567 แฟนของรุ่นพี่ที่รู้จักกันเป็นผู้หญิง ชื่อ เปิ้ล เดินทางมาหาตนที่ห้องพักหลังตลาดเทศบาล 5 โดยมาสอบถามแนะนำให้ตนไปทำงานชงเหล้า และงาน Part-time ต่างๆ ซึ่งตนสนใจเนื่องจากขณะนั้นไม่มีงานทำ

 

ต่อมาหลักจากที่พูดคุยกันจนเริ่มสนิทพี่เปิ้ล ได้บอกให้ตนออกไปพูดคุยตามลำพังส่วนตัวบริเวณนอกห้องพัก โดยพี่เปิ้ล ได้เสนอให้ตนไปเปิดบัญชีธนาคารให้ โดยบอกว่าจะนำบัญชีธนาคารไปใช้รองรับเงินที่ได้จากการติดต่อกับลูกค้าโดยไม่ได้บอกว่าเป็นธุรกิจอะไร ตนจึงยินยอมไปเปิดบัญชีธนาคารให้ จำนวน 7 บัญชีธนาคาร

 

โดยในการเดินทางไปเปิดบัญชี พี่เปิ้ล เป็นผู้พาตนเดินทางไปเปิดบัญชีด้วยตนเองทุกธนาคาร เมื่อตนเปิดบัญชีธนาคารเสร็จเรียบร้อยทุกบัญชีธนาคาร พี่เปิ้ล ได้นำสมุดบัญชีธนาคารทุกธนาคารที่เปิดให้ไป พร้อมทั้งให้ตนนำเบอร์โทรศัพท์ ที่พี่เปิ้ล เปิดไว้แล้ว ส่งให้ตนทราบผ่าน ทางอินบอกเฟซบุ๊ก นำไปผูกกับบัญชีธนาคารทุกธนาคารเพื่อเปิดใช้งานธุรกรรมบัญชีออนไลน์ ตลอดจนให้ตนสแกนใบหน้าเพื่อเปิดใช้งาน

 

เมื่อดำเนินการเสร็จเรียบร้อย พี่เปิ้ล ได้ให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทุกขั้นตอน จำนวน 10,000 บาท  หลังจากนั้นรู้จักกับเจ้านายของพี่เปิ้ลที่สั่งให้พี่เปิ้ล หาคนเปิดบัญชีธนาคารให้ ชื่อ นายสอง โดย นายสอง ได้แนะนำให้ตนไปหาคนมาเปิดบัญชีธนาคารให้เพิ่ม แต่ตนไม่ได้หา และได้ชักชวนตนและแฟนเดินทางไปทำงานที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยบอกว่าจะพาไปทำงานออฟฟิศ คอยตอบสนทนาลูกค้าผ่านเพจเฟซบุ๊ก หากตนสนใจไปทำงานจะออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้ ซึ่งตนก็ไม่ได้ตอบตกลง หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้พบกับพี่เปิ้ล และนายสองอีก จนมาถูกจับกุมในครั้งนี้ 

 

จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหามี หมายจับของศาลจังหวัดลำปาง ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จฯ เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากของตนฯ ท้องที่ สภ.เมืองลำปาง จากนั้นจึงนำตัว น.ส.พรวีนัส ส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย