ข่าว

พายุซัดต้นไม้โค่นทับรถ พังยับครึ่งคัน คนขับรอดระทึก

พายุซัดต้นไม้โค่นทับรถ พังยับครึ่งคัน คนขับรอดระทึก

06 ก.ย. 2567

คนขับระทึกอิทธิพลพายุยางิ ซัดต้นไม่ใหญ่อายุ 100 ปี ริมแม่น้ำโขงโค่นทับต้นไม้ที่จอดอยู่ข้างทางจนพังยับเยิน สาวคนขับเชื่อบุญกุศลทำให้รอดตายอย่างหวุดหวิด

ต้นไม้โค่นทับรถยนต์

6 ก.ย. 2567 ที่จังหวัดนครพนม เกิดเหตุระทึกจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนยางิ หลังขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามและส่งผลกระทบมายัง สปป.ลาว มีพายุฝนและลมกระโชกรุนแรงเข้าถล่มพื้นที่จังหวัดนครพนมนาน 20 นาที ตั้งแต่เวลา 11.10 น. แรงลมส่งผลให้ต้นไม้โค่น 2 ต้น ได้แก่ ต้นอินทรีย์ อายุ 100 ปี และต้นหางนกยูง อายุ 50 ปี หักโค่นทับรถยนต์ที่จอดอยู่ริมแม่น้ำโขง บนถนนสุนทรวิจิตร

 

ทำให้รถได้รับความเสียหายหนัก ผู้ประสบเหตุ น.ส.กฤษณา อายุ 43 ปี ชาวจังหวัดขอนแก่น เล่าว่า ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า วีออส ยืมญาติมาจากจ.เชียงใหม่ เพื่อมาเยี่ยมย่าทวดที่อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ระหว่างที่จอดรถเพื่อส่งแฟนไปซื้อของในตัวเมือง น.ส.กฤษณา ได้จอดรถใต้ต้นไม้ใหญ่และยืนโทรศัพท์ริมฝั่งโขง ก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดครึ้มและพายุฝนฟ้าคะนองจะพัดกระหน่ำ

น.ส.กฤษณา เล่าต่อว่า เธอรีบวิ่งขึ้นไปในรถเพื่อหลบพายุ แต่ไม่นานนักได้ยินเสียงต้นไม้หักโค่นทับตัวรถ โคนต้นไม้ล้มลงกึ่งกลางระหว่างเบาะคนขับและเบาะผู้โดยสาร ทำให้หลังคารถยุบและกระจกแตก โชคดีที่เธอรอดตายหวุดหวิด

 

จากนั้นมีพลเมืองดี 2 คนมาช่วยเหลือเธอออกจากรถ โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ น.ส.กฤษณา รอดตายหวุดหวิด ก่อนหน้านี้เธอเคยประสบอุบัติเหตุรถแหกโค้งที่จังหวัดแพร่เมื่อปีที่แล้ว แต่ไม่บาดเจ็บเลย เธอเชื่อว่าการทำบุญช่วยเหลือพ่อแม่และสัตว์จรจัด อาจเป็นเหตุให้เธอรอดตายได้อีกครั้ง

สภาพรถคันเกิดเหตุ

นายนิวัต เจียวิริยบุญญา นายกเทศมนตรีเมืองนครพนม สั่งการให้เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองนครพนม เข้าปิดกั้นการจราจรบริเวณถนนสุนทรวิจิตรและนำรถกระเช้าพร้อมเลื่อยยนต์เข้ามาตัดกิ่งและเก็บต้นไม้ที่โค่น ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงสามารถเคลียร์พื้นที่ได้เสร็จสิ้น