ข่าว

หนุ่มคนขับรถเมล์ ลวงลุงแท็กซี่ไปชิงรถ อ้างจะใช้ขับตามแฟน ถูกตร.ตามรวบ 

ลุงแท็กซี่ เล่านาทีถูก หนุ่มคนขับรถเมล์ ลวงจากพระราม4 ไปลำลูกกา ก่อนชิงรถ แจ้งตำรวจ ร่วมมือเจ้าของบ.แท็กซี่เช็ก GPS. ตามรวบ ด้านคนร้ายอ้าง ชิงรถเพื่อขับไปตามแอบดูแฟน

5 ก.ย.2567  เวลา 02.30 น. วันที่ 5 ก.ย.67 ร.ต.อ.ภัณณิพงศ์ จิตร์ตารานนท์ รองสว.สอบสวน สภ.คูคต ได้รับแจ้งมีเหตุชิงทรัพย์ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 

 

ที่เกิดเหตุพบนายทาน อายุ 62 ปี ผู้ขับขี่รถยนต์แท็กซี่สาธารณะ รถที่ถูกชิงทรัพย์ ทะเบียน ทห 9824 กรุงเทพ โตโยต้าอันติส สีส้มคาดขาว อยู่ในอาการตกใจ ให้ข้อมูลกับตำรวจว่า ตนเองรับผู้โดยสารทั้งหมด 3 คนเป็นชาย 2 หญิง 1 มาจากป้ายรถเมล์ย่านพระราม 4 บ่อนไก่มาส่งย่านคลอง 2 ลำลูกกา เมื่อข้ามสะพานคลอง 2 ลำลูกกา

หนุ่มคนขับรถเมล์ ลวงลุงแท็กซี่ไปชิงรถ อ้างจะใช้ขับตามแฟน ถูกตร.ตามรวบ 

หนึ่งในผู้ต้องหาสั่งให้ตนเลี้ยวซ้าย ขับมาอีกประมาณ 450 เมตรก็สั่งให้จอดรถ โดยชาย หญิง ที่นั่งเบาะหลังลงจากรถไปก่อน

 

ต่อมานายจิระวัฒน์ ผู้ก่อเหตุจะหลอกให้ลุงขับเข้าไปในซอยแล้ววนออกมาแล้วได้ทำทีจะควักเงินและได้เดินลงจากรถเดินเข้าไปในอีกซอยนึงบอกว่าจะไปในซอยเพื่อเอาเงิน

 

ลุงจะเดินลงไปเพื่อตามค่าโดยสารแต่กลับไม่พบตัว  นายจิระวัฒน์ กระทั่งกลับมาที่รถแล้วพบว่ารถแท็กซี่คันดังกล่าวหายไปแล้วจึงได้ให้ชาวบ้านในละแวกนั้นช่วยเหลือ

โดยช่วงเช้าในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตามจับกุมตัวได้ในที่สุด จากการได้รับความร่วมมือจากเจ้าของอู่แท็กซี่ในการติดตาม GPS และตัดระบบแก๊สเพื่อให้รถหยุด

 

 

เบื้องต้น นายจิระวัฒน์ ให้การรับสารภาพว่า ตนเองมีอาชีพขับรถเมล์ โดยแฟนสาวที่คบกันประมาณ 9 เดือนเป็นกระเป๋ารถเมล์อยู่คันเดียวกัน เมื่อ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมาแฟนสาวลากลับมาบ้านที่จังหวัดนครราชสีมา ตนมีความสงสัยและหึงหวงจึงเข้าไปส่อง facebook ของแฟนสาวพบว่า มีชายหนุ่มเข้ามาพูดลักษณะเชิงจีบแฟนของตน และแฟนของตนก็พูดโต้กลับกับเขาด้วย จึงเกิดความหึงหวง ได้ลงมือขโมยรถแท็กซี่ เพื่อขับไปแอบดูแฟนตัวเองที่จังหวัดนครราชสีมา ก่อนถูกจับตัวได้

 

 

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ ลุง ทาน อายุ 62ปี คนขับแท็กซี่คันดังกล่าวได้เล่าว่า ลุง ขับแท็กซี่มา 10-20ปี แต่มาขับที่อู่ของเจ๊เตือนได้สองปี 

 

 

ก่อนหน้านี้ลุงก็เคยโดนผู้โดยสารเชิดเงินอยู่บ่อยครั้ง อยากฝากเป็นอุทาหรณ์เตือนภัยแท็กซี่หลายหลายคนว่าให้ดูแลรับผู้โดยสารดีดีส่วนตัวลุงเป็นคนชอบวิ่งช่วงกลางคืนจนถึงตีห้า  และไม่สามารถปฏิเสธลูกค้าได้ จึงทำให้เกิดเหตุดังกล่าว

ด้านนาง อิสรีย์ หรือ พี่เตือน อายุ56ปี เจ้าของอู่ เล่าว่า ช่วงเวลาประมาณตี2 เจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ติดต่อมาแจ้งเรื่องเหตุการณ์ดังกล่าวดังกล่าว แต่ครั้งแรก เจ้าหน้าที่แจ้งว่ารถสีชมพู ทำให้สับสน เพราะลุงยังงงอยู่จำสีรถไม่ได้ และ จำเลขทะเบียนรถได้แต่บอกหมวดไม่ถูก

 

เชื่อว่าลุงจำอะไรไม่ได้เพราะยังอยู่ ในอาการตกใจ และโทรศัพท์ของลุงก็ติดไปกับรถแท็กซี่ด้วย ตนจึงได้เปิด GPS ดูและทราบว่ารถแท็กซี่คันดังกล่าวนั้นได้ ออกจากกรุงเทพเพื่อมุ่งหน้าเข้าสระบุรี 

 

ในระหว่างนั้นตนก็จะตามดู GPS ตลอดติดตามตลอดจากที่บ้านและส่งความเคลื่อนไหวให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นระยะ ต่อมาตำรวจจึงเชิญให้ตนไปที่สภ. คูคตเพื่อช่วยกันดู GPS เพื่อติดตามรถแท็กซี่คันดังกล่าว เมื่อไปถึงก็พบลุงทาน นั่งหน้าซีดอยู่ในอาการตกใจ ตนก็ได้มีการต่อว่าลุงด้วยความเป็นห่วงว่าเงินแค่นี้ทำไมต้องลงจากรถเพราะมันอันตราย 

 

 

โดยระหว่างนั้นก็ได้ดู GPS ติดตามไปเรื่อยๆเพื่อที่จะตัดสัญญาณตัดระบบแก๊สแต่เนื่องจากว่ารถแท็กซี่คันดังกล่าวยังขับด้วยความเร็วอยู่จึงยังไม่สามารถตัดระบบแก๊สได้ไม่งั้นรถอาจจะเกิดการพลิกคว่ำได้ เนื่องจากรถวิ่งด้วยความเร็ว 

 

 

จึงจำเป็นต้องรอให้รถชะลอถึงจะตัดระบบได้กระทั่งรถแท็กซี่คันดังกล่าวได้ขับไปถึงจังหวัดนครราชสีมา คาดว่าจุดหมายคือที่อยู่ของแฟนสาวของผู้ก่อเหตุ กระทั่งได้มีการชะลอรถจน ความเร็วเหลือเพียง60-70 

 

จึงรีบตัดระบบแก๊สทันที จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ. คูคตได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เพื่อไปดูรถก็เห็นรถแท็กซี่คันดังกล่าวจอดเปิดฝากระโปรงอยู่ จึงได้นำรถแท็กซี่คันดังกล่าวไปเก็บไว้ที่สภ. คงและเรียกรถสไลด์นำกลับมาที่กทม.

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวยอดนิยม