7 ก.ย. 2567 เวลา 13.30 น. หลังจาก เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2567 หน่วยงานสำนักงานคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยาน (AAIC) สำนักปลัดกระทรวงคมนาคม (ก.ส.อ.) ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อค้นหาเศษซากชิ้นส่วนของเครื่องบินเล็กตกมีผู้เสียชีวิต 9 รายเพิ่มเติม เหตุเกิดบริเวณป่าแสมด้านหลังวัดเขาดิน พื้นที่ ม.6 ต.เขาดิน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้การค้นหาเศษซากชิ้นส่วนของเครื่องบินดังกล่าว เจ้าหน้าที่ดำเนินการ พร้อมด้วยบริษัทไทยฟลายอิ้งเซอร์วิส จำกัด เจ้าของเครื่องบินที่ตกใน และได้เริ่มค้นหาตั้งแต่เวลาประมาณ 10.30 -17.00 น. นั้น สามารถหาชิ้นส่วนจากเศษดินโคลนโดยรอบปากหลุมจุดเครื่องตก ด้วยรถแบคโฮเล็ก และเครื่องมือคุ้ยหาด้วยแรงงานคน (จอบ เสียม) สามารถเก็บรวมรวมซากชิ้นส่วนของเครื่องบิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นส่วนของปีกและลำตัวเครื่องได้เพิ่มจากเดิมมากถึง 1 คันรถบรรทุก 6 ล้อ จากเดิมที่เคยขนไปเก็บรักษาไว้ยังในค่ายทหารใน อ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี เมื่อช่วงก่อนหน้าแล้วจำนวน 1 คันรถ 6 ล้อและอีก 1 คันรถกระบะบรรทุกแบบตอนเดียว แต่ยังไม่พบชิ้นส่วนที่เป็นองค์ประกอบของเครื่องยนต์ ที่ยังคงถูกฝังจมอยู่ในบ่อโคลนลึกลงไปใต้ดินอีกประมาณกว่า 10 เมตร
สอบถามนายกัญจน์กนก สว่างแจ้ง อายุ 56 ปี เจ้าของบ้านที่ตั้งอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามเต็นท์กองอำนวยการอุบัติเหตุฉุกเฉินเครื่องบินตก เล่าว่า การขุดค้นเมื่อวานในช่วงแรก ไม่ได้มีการใช้รถแบคโฮขนาดใหญ่เข้ามาล้วงลงไปยังที่ใต้บ่อโคลน ที่คาดว่ายังคงมีเศษของตัวเครื่องยนต์ และแผงหน้าปัดควบคุมการบินจมอยู่ภายในนั้น ที่ความลึกประมาณกว่า 10 เมตร แต่เป็นการใช้จอบเสียมค้นหาโดยคนงานจากทั้งสองหน่วยงาน รวมถึงอาสาสมัครกู้ภัยฯ ประมาณ 70 คน จึงได้ชิ้นส่วนไม่มากนัก ก่อนที่จะได้มีการนำรถแบคโฮขนาดเล็ก ของทางนายก อบต.เขาดิน มาช่วยในการเกลี่ยกองดินโคลนเพื่อค้นหา จึงทำให้สามารถค้นพบเศษซากเครื่องบินได้เพิ่มเติมมากขึ้นถึง 1 คันรถ 6 ล้อ
รวมถึงยังพบชิ้นส่วนของมนุษย์ที่แหลกละเอียดอีกจำนวนประมาณ 3 ถุงแดง โดยมีชิ้นส่วนขนาดใหญ่ คือ ข้อเท้าด้านขวาเพศชาย ที่คาดว่าน่าจะเป็นชิ้นส่วนของกัปตันบนเครื่องบิน ที่ยังสวมติดอยู่กับรองเท้าหนัง 1 ข้าง 1 ชิ้น และเศษเส้นผมพร้อมหนังศีรษะอีก 1 กระจุกใหญ่ ลักษณะเส้นผมยาวเหมือนของสุภาพสตรี ประมาณกึ่งซีกของศีรษะ
และได้เลิกทำการค้นหาลง เมื่อเวลา 17.00 น.วานนี้ โดยที่ทาง AAIC ได้สั่งให้ยุติการปิดกั้นพื้นที่ในบริเวณดังกล่าวที่เคยถูกกำหนดไว้ให้เป็นเขตหวงห้ามกรณีมีอากาศยานตกเมื่อเวลา 18.00 น. เมื่อวานนี้ จึงได้มีการเปิดแผงกั้นออก และยกเลิกการควบคุมพื้นที่ทั้งหมดแล้ว
ขณะเดียวกันตนยังได้รับทราบมาจากทาง นายก อบต.เขาดิน ว่า หลังการค้นหาเครื่องบินตกนับตั้งแต่วันแรก ยังคงมีค่าใช้จ่ายคงค้างที่ทางนายก อบต.เขาดิน ได้สำรองเงินจ่ายออกไปก่อน เป็นจำนวนเงินมากถึงเกือบ 3 แสนบาท โดยเป็นค่าอาหาร ค่าดูแลในด้านต่างๆ ในการเลี้ยงดูเจ้าหน้าที่ ที่มาคอยเฝ้าอยู่ในพื้นที่มาตลอดกว่าครึ่งเดือนที่ผ่านมา และยังมีค่าเครื่องจักรกลงานหนัก รถแบคโฮที่มาช่วยค้นหาซากเครื่องบินและชิ้นส่วนผู้สูญหายจำนวน 3 คัน
สำหรับในส่วนของชาวบ้านในพื้นที่เองนั้น ก็อยากให้ทางบริษัทเจ้าของเครื่องบิน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาขุดค้นหาและนำชิ้นส่วนทั้งในส่วนของตัวเครื่องบิน และเศษชิ้นส่วนของมนุษย์ออกไปให้หมดจากพื้นที่ เพราะหากยังคงปล่อยทิ้งไว้ให้หลงเหลืออยู่ในลักษณะนี้ ก็ยังคงมีผลต่อทางด้านความรู้สึกของคนใน ต.เขาดิน อีกทั้งยังทำให้มีผู้คนวนเวียนเข้ามาในพื้นที่บ่อยครั้ง จึงทำให้ระมัดระวังข้าวของหรือทรัพย์สินได้ยาก เพราะอาจมีมิจฉาชีพหรือมีมือดีที่ชอบแอบลักขโมยแฝงตัวเข้ามาด้วย
ทั้งนี้ ในวันเกิดเหตุ 22 ส.ค.67 ตนกำลังซ่อมเครื่องรถยนต์อยู่ที่หน้าบ้าน และได้เห็นเหตุการณ์ในขณะที่เครื่องบินกำลังจะตกลงสู่พื้น ในเวลาอันรวดเร็วมาก โดยก่อนเครื่องจะตกนั้น เครื่องบินมีการเร่งเครื่องยนต์เสียงดังมากผิดปกติ ก่อนที่เครื่องจะดิ่งพุ่งลงสู่พื้นดิน คาดว่านักบินอาจจะกำลังเร่งเครื่องยนต์เพื่อต้องการที่จะเชิดหัวเครื่องบินขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่ระบบแบนปีกในการยกตัวเครื่องขึ้นของเครื่องบิน อาจไม่ทำงานหรือขัดข้อง จนทำให้ตัวเครื่องดิ่งแบบหัวปักลงสู่พื้นดินดังกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง