ตำนาน"นักยิงปืนทีมชาติ" ช้ำรักสามียศ พ.อ.นอกใจ ไม่โดนโทษวินัย
ตำนาน"นักยิงปืนทีมชาติ" ช้ำรักสามียศพันเอกนอกใจ แอบคบสิบเอกหญิงรุ่นลูก ฟ้องศาลชนะ แต่ไม่โดนลงโทษทางวินัย
9ก.ย.2567 น.ส.จรินทร แดงเปี่ยม อายุ 50 ปี อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติ
เปิดเผยเรื่องราวสุดช้ำใจ สามีทหารยศพันเอก อายุ57ปี นอกใจคบหาทหารสาวยศสิบตรี อายุ24 ปี หลังจับได้เธอฟ้องศาลชนะคดี
โดยเธอเรียกร้องให้สอบวินัยทางราชการกับทั้งคู่ ซึ่งศาลพิพากษาทั้ง 2 คน มีความผิดจริง และให้ชดใช้ค่าเสียหาย โดยสามีจะต้องจ่ายให้เธอ 1,200,000 บาท ส่วนชู้สาวจะต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นเงิน 600,000 บาทโดยเธอยังไม่ได้รับเงินสักบาท และเรื่องผ่านมาแล้วเกือบ 9 เดือน แต่เรื่องร้องเรียนทางวินัยกลับเงียบ
น.ส.จรินทร เล่าว่า เรื่องราวของเธอเริ่มต้นมาจากชีวิตสมรสที่อดทนมา20ปี ตอนนี้ทนไม่ไหวแล้ว บุคคลที่3 มาทำให้ครอบครัวสูญสิ้นจนมีคำพิพากษาออกมา
วันนี้มาในนามอดีตนักกีฬาทีมชาติ บุคคลที่สามเป็นสิบตรีหญิงคนนึง เธอและครอบครัวเป็นข้าราชการเช่นกัน วันนี้รู้สึกเหมือนโดนหยามศักดิ์ศรี
กราบขออภัยผล.ระดับสูง มาวันนี้ไท่ได้อยากให้เสียชื่อเสียง เคยออกสื่อทำแต่เรื่องดีดีที่หายเงิียบไปเพราะไปใช้ชีวิตครอบครัว มาวันนี้มาเรียกร้องความเป็นธรรม เธอเคยร้องวินัยและทางกองทัพเลยออกระเบียบว่าให้ร้องเรียนก่อน ตามขั้นตอนก่อนหน้านี้ทำตามขั้นตอนไม่เคยออกสื่อ
หน่วยงานให้งานให้เงิน ที่ผ่านมาไม่เคยทำให้เสื่อมเสีย แต่ครั้งนี้ขอให้เจ้ากรมการสั่งทหารบกออกมาให้ความยุติธรรมกับเธอและให้ความชัดเจน ท่านชัดเจนจรงที่ช่วยคนของท่าน ร้องไปตั้งแต่กันยาปี 66 ศาลพิพากษาแล้ว เมื่อ16 กรกฎาคม ว่าผิด เกือบหนึ่งปี ในเรื่องวินัยยังไม่มีการดำเนินการใดใด
ปัจจุบันทั้งคู่ยังรับราชการอยู่ เธอเคยร้องเรียนผ่านสำนักงานเลขาธิการกองทัพบกทั้งเอกสาร ทั้งไปยื่นเองพร้อมแนบประกอบคำพิพากษาที่คัดมา
ฉนวนเหตุที่ทำให้เธอสงสัย คือ ปกติไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน เขามีข้ออ้างเสมอว่าต้องไปนู่นนี่ นั้นเป็นที่มาทำให้เธอเริ่มสงสัย มีพฤติกรรมเช่นนี้มาเป็นระยะ เธอรู้หลังย้ายไปประจำการปากช่อง สามีผิดปกติโดยช่วงหลังวันหยุดจะไม่ค่อยกลับบ้าน อ้างมีงานสำคัญวันหยุดยาวก็ไม่กลับ ลูกสาวคนโตก็เริ่มสงสัยว่าทำไมพ่อไม่กลับมาหา "ตั่งแต่โตมาไม่เคยดีใจกับการที่ได้เห็นพ่อแม่มีปัญหากันล่าสุดหลายวันพ่อก็ไม่กลับบ้าน"
ระแคะระคายหลายครั้ง มีการแสดงออกให้กำลังพลเห็น สามีย้ายไปบรรจุ ผ่านไปสองเดือนสิบตรีหญิง ย้ายตามมา โดยให้ทหารคนสนิทกับพลขับคอยรับส่ง เช่นไปทำงาน ไปโรงเรียนสอนขับรถ สามี อ้างว่าเป็นผู้บังคับบัญชาต้องดูแล และทบ.บังคับให้มีใบขับขี่
เคยพบหลักฐานสามีซื้อของให้ราคาหลักหมื่น รวมถึงเคยพบใบเบิกเงินค่าน้ำมันที่สามีเซ็นให้สิบตรีหญิง
ต่อมาสามีของเธอไปงานสถาปนาหน่วยและมีการนัดเจอกัน เธอจึงบุกไปพูดคุยกับสิบตรีหญิง เธอคาดการณ์ว่าต้องได้เจอกันในวันเตรียมงาน เมื่อเธอไปถึงสิบตรีหญิงมีอาการตกใจ เธอยืนยันว่าไม่ได้มาเกรี๊ยวกราดใส่หรือด่าหยาบคาย แต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยถามสิบตรีว่า "หนูมาทำอะไร มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง" ซึ่งเธอเจอสิบตรีครั้งแรกเธอตกใจเพราะอายุมากว่าลูกสาวเธอแค่ปีเดียว
ในวันงานสถาปนาเธอส่งเพื่อนเป็นสายคอยสืบให้ และใช้GPS ค้นหาตำแหน่งของสามี พบอยู่ที่โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งเป็นเวลา 2 ชม.กว่า เธออดทนรอจนสามีออกมาจากม่านรูด เธอยอมรับว่าเป็นความเจ็บช้ำ เนื่องจากโดยปกติเธอเป็นคนที่เข้มแข็ง "หัวใจสลายไม่เคยคิด"
หลังเหตุการณ์ครั้งนั้น เธอกลับถูกฝ่ายสิบตรีเข้าแจ้งความกรณีคุกตามและ ทำให้สิบตรีเสื่อมเสียอับอาย
เธอใช้ภาพหลักฐานภาพถ่ายจากสามีกับสิบตรี ออกจากท่านรูด เข้าฟ้องศาล และ ศาลตัดสินให้เธอชนะคดีซึ่งฝ่ายสามีอ้างว่าเข้าม่านรูดเพื่อพูดคุยปรับทุกกัน ด้านสิบตรีอ้างว่า ไม่ทราบว่าสามีเธอจะพาเข้าม่านรูดตอนแรกตกใจไม่กล้าลงจากรถ และตกใจจึงไม่ร้องขอความช่วยเหลือ และเห็นพนักงานโรงแรมรอเก็บค่าห้องไม่รู้จะทำอย่างไรจึงลงตามเข้าห้องไป
ต่อมาเวลา 15.30 น. กัน จอมพลัง พาน.ส.จรินทร เดินทางเข้ายื่นเอกสารที่กองบัญชาการกองทัพบก เขตพระนคร เพื่อร้องขอความเป็นธรรมจากต้นสังกัด หลังถูกอดีตสามียศพันเอก แอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับทหารรุ่นลูก แต่พอร้องเรียนไปยังต้นสังกัดกลับไม่ได้รับความเป็นธรรม
กัน จอมพลัง กล่าวว่า วันนี้ตนต้องการพาผู้เสียหายมาติดตามว่ามีความคืบหน้าอย่างไรแล้วบ้าง เพราะเรื่องนี้ผ่านมาเกือบ 1 แล้วผู้เสียหายก็ยังคงรอคอยความยุติธรรมจากต้นสังกัดอยู่ ทราบว่าผู้เสียหายกำลังรอคำสั่งจากศาลในขั้นตอนสุดท้าย เพราะตอนนี้มีการยื่นคำสั่งขอเลื่อนอุทรธรณ์ไป
ซึ่งตนตั้งคำถามว่าในส่วนของวินัยนั้นกองทัพบกเห็นภาพอดีตสามีและชู้สาวเดินออกมาคู่กันจากม่านรูดแบบนั้นจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร หากผลตัดสินออกมาน่าเกลียด และมีการช่วยเหลือกัน ตนก็จะเลิกทำเคสหลังบ้านกับกองทัพบกทันทีซึ่งตนยืนยันว่าที่ผ่านมาตนและกองทัพบกมีมิตรสัมพันธ์อันดีมาโดยตลอดเพราะเคยทำเคสหลังบ้านที่มีความรุนแรงมากมาด้วยกัน แต่ตนไม่ได้นำเสนอหน้าสื่อ เพราะไม่อยากส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของกองทัพ ซึ่งตนคาดหวังว่าผู้เสียหายจะได้รับความยุติธรรมในครั้งนี้
ด้านนางจรินทร ผู้เสียหาย เผยว่า เธออยากให้ผู้บังคับบัญชาเข้าใจในการมายื่นร้องเรียนในวันนี้ ซึ่งเธอยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะมาทำให้กองทัพบกหรือหน่วยงานต้นสังกัด ต้องถูกตำหนิหรือเดือดร้อน หรือเสียชื่อเสียง แต่มาเพื่อเรียกร้องเพื่อให้ต้นสังกัดของผู้กระทำความผิดทั้ง 2 คนนี้ ออกมาให้ความยุติธรรม ออกมาให้ความเป็นธรรม และชัดเจนกับสิ่งที่เกิดขึ้นว่า 2 คนนี้ ควรจะได้รับโทษอย่างไร ซึ่งในอำนาจต้นสังกัดแล้ว ฝ่ายหญิง สามารถปลดออกจากราชการได้ทันที ส่วนฝ่ายชายก็ควรได้รับโทษในสิ่งที่ควรได้รับ
โดยกัน จอมพลัง ได้พูดทิ้งท้ายว่า ปกติเวลาตนมาที่กองทัพบกก็สามารถแลกบัตรเข้าไปได้ตามปกติ แต่ทำไมวันนี้กลับมาขอให้ตนไปถ่ายรูป ทำบัตร ทำประวัติ โดยตนจะไปทำให้ตามคำขอ แต่หากวันนี้ผลออกมาน่าเกลียด ก็จะเลิกทำเคสหลังบ้านกับกองทัพบกทันที แล้วจะพูดให้หมดว่าตนเคยทำเคสหลังบ้านอะไรออกไปแล้วบ้าง