ข่าว

ปู่ หอบเงิน 2 แสน ขึ้นโรงพักถามผมผิดอะไร มีคนโทรบอก บช. พัวพันเงินสีเทา

ปู่ หอบเงิน 2 แสน ขึ้นโรงพักถามผมผิดอะไร มีคนโทรบอก บช. พัวพันเงินสีเทา

11 ก.ย. 2567

ปู่ 87 ปี สุดดีใจ หวิดเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หอบเงินสด 200,000 บาท ขึ้นโรงพักถามผมผิดอะไร หลังมีชายโทรแจ้งบัญชีพัวพันเงินสีเทาต้องโอนเงินให้ตรวจสอบ

10 ก.ย. 2567 เวลา 18.00 น. นายพิมาศ หรือเล็ก ทุกข์นิโรธ อายุ 87 ปี อดีตเจ้าหน้าที่สื่อสารระดับ 6 สำนักงานโทรคมนาคม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ฐิติปกรณ์ คุ้มปานอินทร์ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนนทบุรี พร้อมควักเงินสดจำนวน 200,000 บาท ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ หลังมีชายโทรศัพท์เข้ามาหาอ้างมีบัญชีพัวพันกับธุรกิจสีเทา ต้องส่งไปให้ตรวจสอบ 

 

นายพิมาศ เล่าว่า ก่อนหน้านี้มีคนโทรเข้ามาหาตนเองทางโทรศัพท์มือถือ แจ้งว่า ตนเองมีบัญชีพัวพันกับธุรกิจสีเทา ต้องส่งไปให้เขาตรวจสอบ โดยจะมีเจ้าหน้าที่จาก ปปง. กรมสรรพากร เจ้าหน้าที่ตำรวจโทรเข้ามาติดต่อและชี้แจงข้อระเบียบ หากเงินในบัญชีตรวจสอบแล้วถูกต้องก็จะส่งคืนให้ และมีค่าเสียเวลาค่าชดเชยกลับมาให้ด้วย 

ปู่หอบเงิน 200,000 ขึ้นโรงพัก

ตนหลงเชื่อสนิทใจ รีบเอาสร้อยคอทองคำ 3 บาท เลสข้อมือ 2 บาท ได้เงินมา 200,000 บาท และจะนำไปเข้าบัญชีให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามที่เขาแนะนำมา เพราะตนเองไม่ได้เล่น LINE โอนเงินทางบัญชีไม่เป็น ทางคนที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่บอกตนมีทรัพย์สินเท่าไหร่ให้เบิกมา หากพบว่า เป็นเงินสุจริตก็จะส่งคืนให้ในภายหลัง 

 

จึงมาที่ สภ.เมืองนนทบุรี อยากจะถามว่า บัญชีตนเองผิดอะไร ทำไมต้องให้ตนเองโอนเงินส่งเงินให้เจ้าหน้าที่ ทั้งๆที่ไม่เคยมีบัญชีพัวพันสีเทาหรือสิ่งผิดกฎหมาย แต่ทำไมถึงต้องโทรมาให้ตนส่งเงินไปให้ตรวจสอบ 

ดีใจที่ยังไม่ทันเสียให้กับมิจฉาชีพถึงกับ

ทาง พ.ต.ต.ฐิติปกรณ์ จึงอธิบายเหตุผลและชี้แจงว่า นายพิมาศน่าจะถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาหลอกลวงอย่าได้หลงเชื่อเด็ดขาด การที่นายพิมาศมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจถือว่าโชคดี หากโอนเงินไปแล้ว รับรองว่าสูญเงินอย่างแน่นอน และแนะนำให้บล็อคเบอร์มือถือเบอร์นี้อย่าได้พูดคุยติดต่อหรือเชื่อคำพูด ไม่เช่นนั้นจะตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นายพิมาศดีใจถึงกับยกมือไหว้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ช่วยตักเตือนให้ในครั้งนี้

 

 

นายพิมาศ ระบุว่า โชคดีที่เจ้าหน้าที่แนะนำ ไม่อย่างนั้นคงสูญเงิน 200,000 บาทอย่างแน่นอน ที่สำคัญตนยังมีพันธบัตรที่ซื้อไว้อีก หลายสิบล้านและเตรียมจะถอน ออกมาเป็นเงินสดโอนไปให้มิจฉาชีพ ดีที่ไหวตัวทันอย่างเฉียดฉิวก่อน "ตอนที่จะมาโรงพักคิดอย่างเดียวว่าถ้าผิดจริงๆก็ให้มันติดคุกไป เพราะไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย ก็อยากเอาเงินเอาบัญชีมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย โชคดีที่มาสร้างความจริงเสียก่อน" ส่วนเงิน 200,000 บาท เดี๋ยวจะกลับไปซื้อทองใหม่ และจะบล็อกเบอร์แก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ไป ไม่รับสายพูดคุยด้วยแล้ว ไม่เช่นนั้นคงตกเป็นเหยื่อแน่