ลุ้นระทึก หน่วยซีล-กู้ภัย โดดฝ่ากระแสน้้ำเชี่ยว บุกช่วยยาย 70 ปี | คมชัดลึก

14 ก.ย. 2567 เวลาประมาณ 15.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยซีล พร้อมด้วยกู้ภัย ได้รับแจ้งมีเหตุคนชราติดข้างอยู่ในโรงแรม 2 คน เป็นชายหญิง จึงรีบรุดไปที่ข้างสะพานแม่สายแห่งที่หนึ่ง เป็นเขตพื้นที่บ้านเกาะทราย 

พบว่าเป็นโรงแรม 4 ชั้น มีชายชราโผล่หหน้ามาจากกระจกอาคารชั้น 3 ของโรงแรม และมีหญิงชรานุ่งผาถุงอยู่หน้าประตูทางเข้าออกโรงแรม ด้านหลังโรงแรมติดกับลำน้ำแม่สาย ที่กำลังไหลเชี่ยว ส่วนด้านหน้าโรงแรมมีถนนเป็นสายน้ำ ซึ่งเป็นน้ำที่ทะลักมาจากใต้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์ ซึ่งด้านหน้าโรงแรมมีกระแสน้ำที่แรง ลึกประมาณ 1.80 ซม. ไม่สามารถเดินข้ามไปได้ตามปกติ 

โดยผู้แจ้ง บอกว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ได้ยินเสียงดังคนร้องขอความช่วยเหลือเป็นภาษาเมียนมาร์  ซึ่งพบสภาพของหญิงชราอิดโรย ตัวเปียกน้ำ ขณะที่กู้ภัยเข้าไปช่วย ด้วยกระแสน้ำที่แรง จึงประสานไปยังเฮลิคอปเตอร์มาช่วย ระหว่าที่เฮลิคอปเตอร์กำลังมา หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทาง เรือ กองเรือยุทธการ  หรือ หน่วยซีล ซึ่งเป็นตัวหลักช่วยเหลือทางน้ำด้วยความชำนาญ ได้กระโดดลงไปในกระแสน้ำเชี่ยวกราก นำเชื่อกไปผูกติดเสาตามยุทธวิธีในการฝึกมาด้วยความรวดเร็ว 

แต่ด้วยที่หญิงชราเป็นชาวเมียนมาร์ ไม่สามารถสื่อสารกันได้ จึงใช้วิธีหลอกล่อหญิงชราไม่ให้กลัวน้ำเชี่ยวขณะที่กำลังข้ามมาอีกฝั่ง ด้วยอาการอิดโรยกลัวหญิงชราไม่ไหว จึงหลอกทำให้หญิงชราเผลอ จึงดึงร่างหญิงชรา ข้ามมา อย่างไม่รู้สึกว่า กำลังข้ามน้ำมาถึงอีกฝั่งแล้ว 

ต่อมาทราบว่า หญิงชราคนนี้ ชื่อ นางต่อขิ่นวิน อายุ 70 ปี เป็นชาวมัณฑเลย์ ประเทศเมียนมาร์ เดินทางมาค้าขาย ก่อนที่จะเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่อำเภอแม่สาย 

ซึ่งนางต่อขิ่นวิน ได้ยกขอบคุณเจ้าหน้าที่ไทยที่ช่วยให้เธอรอดมาจากความอิดโรยที่อยู่บนตึกอาคารโรงแรม ไม่มีน้ำใช้ ไม่มีไฟฟ้า ยากต่อการดำรงชีวิตอยู่ด้านใน จึงยกมือไหว้เจ้าหน้าที่ไทยและคนไทยที่เป็นห่วง ช่วยดูแลเรื่องอาหาร และระหว่างที่ติดอยู่บนตึกได้มีเฮลิคอปเตอร์บินเอาข้าวเอาน้ำมาส่งให้รอดชีวิต 

ในส่วนของชายชรา อายุ 70 เช่นกัน ทราบว่า บ้านอยู่บริเวณใกล้ตรงสะพานแห่งที่หนึ่ง ด้วยความรักสันโดษ ไม่ยอมอยู่บ้าน จึงได้ไปเช่าโรงแรมดังกล่าวมาหลายเดือน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้สอบถามจะออกมาไหม ทราบว่าไม่อยากจะออกมา อยากจะอยู่ข้างบนตึก ถึงแม้ไม่มีน้ำมีไฟ แต่ขออยู่บนโรงแรมเหมือนเดิม