ข่าว

ศาลตัดสินจำคุก 4 ปี ดร.เซปิง โฆษณาเฟซออฟ ศัลยกรรมไร้รอยแผล

ศาลตัดสินจำคุก 4 ปี ดร.เซปิง โฆษณาเฟซออฟ ศัลยกรรมไร้รอยแผล

19 ก.ย. 2567

ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา ดร.เซปิง ไชยศาส์น โฆษณาเฟซออฟ ศัลยกรรมไร้รอยแผล ชี้เป็นการฉ้อโกงประชาชน ส่วนหมอโดนคุก 6 เดือน รอลงอาญา 2 ปี

19 ก.ย. 2567 ที่ห้องพิจารณา 801 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.742/2562 ที่ น.ส.กนกวรรณ แสงอรุณ โดยมี น.ส.สายชล ศรีสุข ผู้รับมอบอำนาจ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ดร.เซปิง ไชยศาส์น , นายบทมากร วัฒนะนนท์ , บริษัท เอ็ม เอฟ เซอร์เจอรี่ เซ็นเตอร์ จำกัด และ นายกมล พันธ์ศรีทุม เป็นจำเลยที่ 1-4 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ. 2550 , พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 , พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522

 

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันหลอกลวงโจทก์และประชาชน โฆษณาโครงการเฟซออฟศัลยกรรมอย่างปลอดภัย และต้องไร้รอยแผล แต่ความจริงแล้วจำเลยหาได้มีความสามารถทำศัลยกรรมผ่าตัดใบหน้าให้ได้ผลลัพธ์ตามที่กล่าวอ้าง โดยหลังทำศัลยกรรมกับโครงการ มีรอยแผลเป็น และบวมช้ำเกินร้อยละ 10 จากกรณีร่วมกันประกอบธุรกิจโครงการศัลยกรรม “เฟซออฟ”

ดร.เซปิง

โดยภายหลังฟังคำพิพากษา นายภิญโญภัทร์ ชิดตะวัน หรือทนายเล้ง ทนายความโจทก์ กล่าวว่า วันนี้ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดีที่ นางสาวกนกวรรณ แสงอรุณ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ดร.เซปิง กับพวกรวม 4 คน ซึ่งฟ้องไว้นานแล้ว ตั้งแต่ปี 2562

 

ล่าสุดวันนี้ศาลได้ตัดสินว่า ดร.เซปิง เเละนายบทมากร จำเลยที่ 1-2 กระทำผิดตามฟ้อง ใน 3 ข้อหาคือ ฉ้อโกงประชาชน , พรบ.คอมพิวเตอรฯ การกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานฉ้อโกงประชาชนจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา

ศาลตัดสินจำคุก 4 ปี ดร.เซปิง โฆษณาเฟซออฟ ศัลยกรรมไร้รอยแผล

ส่วนบริษัท เอ็ม เอฟ เซอร์เจอรี่ เซ็นเตอร์ จำกัด จำเลยที่3 ที่เป็นสถานพยาบาลโดนปรับฐานโฆษณาเกินจริง 50,000 บาท  ส่วนจำเลยที่ 4 นายกมล ซึ่งมีอาชีพเเพทย์ มีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 50,000 บาท ฐานโฆษณาเกินจริง เเต่ศาลให้รอลงอาญา มีกำหนดโทษ 2 ปี เนื่องจากเห็นว่าโทษจำคุกเพียง 6 เดือน ถือเป็นโทษน้อย เเละนายกมล มีอาชีพแพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือ และน่าจะทำประโยชน์กับสังคมได้ ดีกว่านำไปจำคุกระยะสั้น ให้โอกาสกลับตัว ซึ่งตนก็เคารพคำตัดสินของศาล เเละก็ขอขอบคุณศาล รวมถึงสื่อมวลชนที่ติดตามคดีมาโดยตลอด

 

นายภิญโญภัทร์ กล่าวต่อว่า คดีนี้ได้ต่อสู้มาอย่างยาวนาน ตั้งเเค่ปี 2562 เนื่องจากอยู่ในช่วงโควิดและฝ่ายโจทก์อยู่ต่างประเทศ ในคดีนี้มี น.ส.กนกวรรณ ฟ้องเพียงคนเดียว แต่ยังมีอีกคดีที่อยู่ในศาล ซึ่งจะมีการสืบพยานในปี 2568 และยังมีผู้เสียหายที่รอการดำเนินการอยู่

 

อย่างไรก็ตามศาลได้มีคำวินิจฉัยไว้น่าสนใจว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่ใช่ตัวแทนนายหน้า มันเกินเลยกว่าความเป็นตัวแทนนายหน้า ซึ่งศาลได้ลงโทษในฐานฉ้อโกง , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รวมถึงการโฆษณาเกินจริง โดยในคดีนี้ถือว่าโทษสูงที่สุด จากคดีที่ได้ยื่นฟ้องไป ส่วนที่ผู้เสียหายยื่นฟ้องเพียงคนเดียวเเต่ศาลกลับลงข้อหาฉ้อโกงประชาชนได้ เพราะศาลเห็นว่าเป็นการใช้สื่อออนไลน์ในการเผยแพร่ ศาลได้หยิบยกในส่วนนี้มาทำให้ชัดเจนและเป็นข้อกฎหมายที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าถ้าเป็นการเผยแพร่ต่อสาธารณชนเป็นการฉ้อโกงประชาชนได้ แม้จะมีผู้เสียหายเพียงคนเดียวก็ตาม

 

ภายหลัง ดร.เซปิง และนายบทมากร จำเลยที่ 1-2 ได้ยื่นหลักทรัพย์พร้อมคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ คนละ 2 แสนบาท ศาลอาญาพิจารณาคำร้องพร้อมหลักทรัพย์แล้ว อนุญาตปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์