ตำรวจยัน! "ไอ้แม็ก" ฆาตกรรมสาวทอมชิงรถ ซัดทอดมั่ว หลักฐานมัดแน่นทำคนเดียว
คำพูดโจรเชื่อถือไม่ได้! ตำรวจยัน “ไอ้แม็ก” ก่อเหตุลวงฆาตกรรมสาวทอมชิงรถเพียงลำพัง ไร้ผู้ร่วมขบวนการ หลักฐานวงจรปิดมัดตัวแน่น ซัดทอดมั่ว
23 ก.ย.2567จากกรณีเกิดเหตุสะเทือนขวัญ น.ส.ฐิติรัตน์ อายุ 47 ปี สาวทอมขับแอปโบลท์ ถูก นายณรงค์ศักดิ์ หรือ แม็กซ์ อายุ 35 ปี ทำทีเป็นลูกค้าติดต่อใช้บริการ ก่อนลวงไปฆ่าทิ้งศพหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู หมู่ 5 ต.สัมปทวน อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม แล้วชิงรถไปขายต่อ เมื่อวันที่ ก่อนถูกตามจับกุมได้มนเวลาต่อมา
พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล ผบก.สส.ภ.7 กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า จากคำให้การของ นายแม็กซ์ ที่กล่าวอ้างว่า มี น.ส.ทราย ภรรยาของตนเอง และ นายเอ็ม เพื่อนสนิท ร่วมก่อเหตุด้วยนั้น ก็เป็นสิทธิ์ของเจ้าตัวที่จะสามารถให้การใดๆก็ได้ แต่ข้อเท็จจริงทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน โดยเฉพาะหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พยานแวดล้อม และ หลักฐานอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาร่วมกันทั้งหมด ซึ่งจากการตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมดค่อนข้างแน่ชัดว่า นายแม็กซ์ ก่อเหตุฆ่าผู้ตายเพียงลำพัง และ ไม่มีใครร่วมวางแผนหรืออยู่เบื้องหลังแต่อย่างใด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่มีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดตามสถานที่ต่างๆในข่วงเวลาเกิดเหตุจนถึงหลังก่อเหตุ ที่พบว่า ช่วงเวลานั้นมีแค่เจ้าตัวเพียงคนเดียว
สอดคล้องกับข้อมูลการติดต่อทางโทรศัพท์ของผู้ต้องหา ที่ถึงแม้จะพบว่ามีการติดต่อกับ น.ส.ทราย ภรรยาจริง แต่เป็นเพียงการส่งข้อความหากันตามประสาสามีภรรยาทั่วไป ไม่ได้มีเนื้อหาในเชิงรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด อีกทั้งในบทสนทนา ยังมีการระบุตำแหน่งที่อยู่ของ น.ส.ทราย อย่างชัดเจนว่าในช่วงเวลาดังกล่าว น.ส.ทราย ไม่ได้อยู่ด้วยกันกับนายแม็กซ์ ตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง
ขณะที่ในส่วนของ นายเอ็ม เพื่อนสนิทผู้ต้องหา จากพยานหลักฐานที่มีอยู่ในตอนนี้ ยังไม่พบความเชื่อมโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม พบเพียงข้อมูลการติดต่อกันเกี่ยวกับเรื่องซื้อขายรถ ซึ่งในส่วนนี้อาจต้องมาพิจารณาพยานหลักฐานดูว่าเข้าข่ายความผิดฐานรับของโจรหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับซื้อรถของกลางต่อจากผู้ต้องหา รวมไปถึง กลุมคนที่ทำหน้าที่คอยประสานเกี่ยวกับการติดต่อซื้อขายรถนั้น แม้ว่าจะไม่ได้รู้เห็นหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม แต่การที่คนกลุ่มนี้รับรู้ว่ารถที่ได้มานั้นเป็นรถผิดกฎหมาย ได้มาโดยไม่ชอบธรรมนั้น อาจเข้าข่ายความผิดฐานรับของโจร ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวน อยู่ระหว่างพิจารณา หากพบว่าผิดจริง ก็จะมีการแยกเป็นอีกคดีเพราะถือเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระ