ทนายตั้มยื่น สอบวินัย รองอธิบดีอัยการ "แอบตีท้ายครัว" "นายเคน" หนุ่มจีน
ทนายตั้ม พา "นายเคน" หนุ่มจีน ยื่น สอบวินัย รองอธิบดีอัยการ ปม แอบตีท้ายครัว เเฉรวยจัดให้ Z4 มาขับ มีบ้าน 50 หลัง โฆษก อสส.ชี้ อาจเข้าเกณฑ์ถูกสั่งพักราชการได้
25 ก.ย. 2567 ทนายตั้มยื่น ก.อ.สอบวินัย รองอธ.อัยการ ตีท้ายครัวนายเคน เเฉรวยจัดให้ Z4 มาขับ มีบ้านอีก 50 หลัง อัยการ วัชรินทร์ เผย "ยังมีคดีเรียกรับเงิน ปปช.ชี้มูล อัยการปราบทุจริตฯเห็นควรฟ้องเเล้ว" ด้าน นายประยุทธ โฆษก อสส.ชี้ ถ้าถูกยื่นฟ้องศาลเข้าเกณฑ์ถูกสั่งพักราชการได้
เวลา 10.00 น.ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนเเจ้งวัฒนะ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน พร้อมด้วยนายเจียงเฟิง เฉิน หรือเคน ชาวจีน เดินทางเข้าร้องเรียนให้มีการสอบวินัยรองอธิบดีอัยการรายหนึ่ง กรณีพบหลักฐานว่า มีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมกับ น.ส.ชิสา หรือเอวา ภรรยาชาวไทยของนายเคน
ทนายตั้ม กล่าวว่า รองอธิบดีอัยการท่านนี้ มีความมาเกี่ยวข้องในแง่ของความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับอดีตภรรยาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ก่อนที่นายเคนจะหย่ากับน.ส.ชิสา ในวันที่ 9 ก.ค. โดยมีพยานหลักฐานเป็นภาพถ่ายที่ทั้งคู่กอดหอมกัน พร้อมทั้งมีพยานบุคคลที่ตนได้พูดคุยอ้างว่า มีการวางแผนกันให้ฝ่ายหญิงเลิกกับคุณเคนตั้งแต่ต้น รวมทั้งอัยการท่านนี้ยังได้นำรถ BMW Z4 สีขาว มาให้ฝ่ายหญิงขับด้วย แต่รถเป็นชื่อผู้หญิงคนหนึ่งในการซื้อและครอบครองซึ่งเป็นที่รับรู้เป็นการทั่วไปว่าเป็นรถของรองอธิบดีอัยการคนดังกล่าว
จึงอยากร้องขอให้อัยการสูงสุดและคณะกรรมการอัยการให้ความเป็นธรรมและตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่ามีความผิด ก็ขอให้ดำเนินการวินัยร้ายแรงด้วยการปลดออกหรือไล่ออก
ทนายตั้ม เปิดเผยเพิ่มเติมว่า อัยการท่านนี้นั้นมีบ้านมากถึง 50 หลังและเคยถูก ปปช. ชี้มูลความผิดเรื่องทุจริตเรียกรับผลประโยชน์มาก่อน ซึ่งตนจะติดตามการดำเนินการทางวินัยของคณะกรรมการอัยการ ทั้งเรื่องคดีที่ถูกชี้มูลทุจริต และกรณีมีสัมพันธ์กับอดีตภรรยาของคุณเคน ซึ่งมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของคนเป็นทนายความแห่งแผ่นดิน
ทั้งนี้ยังได้ทราบว่า อาจจะมีทรัพย์สินของคุณเคนรั่วไหลผ่านฝ่ายหญิงไปถึงอัยการท่านนี้ นอกจากวันนี้ที่ตนจะมาร้องให้ดำเนินการทางวินัยอัยการแล้ว ก็จะนำพยานหลักฐานที่อัยการคนนี้ลักลอบมีสัมพันธ์กับน.ส.ชิสา ไปยื่นฟ้องทั้งสองที่ศาลแพ่ง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง และจะนำไปเป็นพยานหลักฐานใช้ในคดีที่น.ส.ชิสายักยอกทรัพย์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าฝ่ายหญิงมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและจงใจที่จะปอกลอกยักยอกทรัพย์จากนายเคนโดยมีนายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ
ภายหลังรับมอบหนังสือ นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วย นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ,นายณรงค์ ศรีระสันต์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ,นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันเเถลงข่าวภายหลังจากได้รับการยื่นหนังสือจากทนายตั้มแล้ว
นายประยุทธ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เเละเรื่องสำคัญทางสำนักงานอัยการสูงสุดจะไม่ปล่อยปละละเลยเเละเเจ้งความคืบหน้าให้ผู้เสียหายทราบ โดยขั้นตอนหลังจากได้รับหนังสือจากทนายตั้มแล้ว จะนำเรื่องกราบเรียนไปยังอัยการสูงสุดและคณะกรรมการอัยการเพื่อดำเนินการสอบสวนทางวินัยต่อไป แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะใช้ระยะเวลานานเท่าไร ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ
นายวัชรินทร์ กล่าวว่า รองอธิบดีอัยการคนดังกล่าว เคยถูกปปช. ชี้มูลความผิดในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143 คือเป็นคนกลางเรียกรับ หรือยอมจะรับในฐานะเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เเละ พรบ.ปปช.ในข้อหารับเงินเกิน 3 พันบาท ซึ่งสำนวนดังกล่าวได้ถูกส่งไปยังสำนักงานอัยการปราบปรามการทุจริตฯ
โดยทางอธิบดีอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริตพิจารณาเเล้วไม่เห็นด้วยในประเด็นข้อหา รับเงินเกิน 3 พันบาทเนื่องจากมองว่า มีข้อหาหลักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143 อยู่เเล้ว จึงมีการชี้ข้อไม่สมบูรณ์ จากนั้นมีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะทำงานอัยการเเละ ปปช.เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ ผลปรากฎว่าที่ประชุมมติออกมาว่า ทาง ปปช.เห็นชอบกับทางอัยการตัดข้อหารับเงินเกิน 3 พันบาทออกไปคงเหลือเเต่ข้อหา เป็นคนกลางเรียกรับเงินตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143
ซึ่งทางอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริตมีความเห็นควรสั่งฟ้องคดีเเล้ว ขั้นตอนอยู่ระหว่างเรียนอัยการสูงสุด เหลือเพียงอัยการสูงสุดมีคำสั่ง ถ้า อสส.สั่งฟ้องก็จะต้องนำตัวมายื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ อันนี้ถือเป็นความคืบหน้าทางคดีอาญา
นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงขั้นตอนวินัยในคดีรองอธิบดีอัยการเรียกรับเงิน จากการตรวจสอบล่าสุดพบว่ามีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยเบื้องต้นอยู่ระหว่างสอบสวนอยู่ ซึ่งต้องรอผลสอบสวนวินัยชั้นต้นก่อนถึงจะพิจารณาเป็นสอบสวนวินัยร้ายเเรงได้
นายณรงค์ ศรีระสันต์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงประเด็นที่ทนายตั้มยื่นร้องในวันนี้ว่า ประเด็นในวันนี้ตะไม่ถูกนำไปรวมกับเรื่องวินัยที่รองอธิบดีอัยการถูกชี้มูลเรื่องเรียกรับสินบน เพราะเป็นคนละส่วนกัน
ส่วนประเด็นที่ขั้นตอนทางอาญาไปไวกว่า ปปช.ชี้มูลเเต่ในขั้นตอนวินัยยังไม่มีการสั่งพักราชการอัยการท่านนี้ในระหว่างการถูก ปปช. ชี้มูลความผิดนั้น
นายประยุทธกล่าวว่า เนื่องจากกฎหมายอัยการ จะต้องตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงหรือกรรมการชั้นต้น ก่อนที่จะมีการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการสอบสวนของกรรมการชั้นต้น
โดยกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจให้ถูกพักราชการในชั้นนี้ แต่ทางอัยการสูงสุดคนปัจจุบันได้เสนอว่ากรณีความผิดชัดเเจ้งไม่จำเป็นต้องสอบวินัยชั้นต้นให้สอบวินัยร้ายเเรงได้เลยตรงนี้เป็นการเเก้ปัญหาที่ทางอัยการสูงสุดเห็นสภาพปัญหา เเต่ถ้าหากรองอธิบดีอัยการคนดังกล่าวถูกอสส.สั่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ เมื่อไหร่ ก็จะถือว่าเป็นมูลที่จะถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงที่จะสามารถถูกสั่งพักราชการได้ทันที ดูเป็นเรื่องๆไป ส่วนจะยื่นฟ้องทันในยุคอัยการสูงสุดคนปัจจุบัน หรือไม่ตนไม่ขอให้ความเห็น