อดีตผู้บริหารธนาคาร สุดช้ำ! เงินเก็บก้อนสุดท้าย ถูกหลอกเทรดหุ้นหมดตัว!
อดีตผู้บริหารธนาคาร สุดช้ำ! เงินเก็บก้อนสุดท้ายหวังใช้ชีวิตบั้นปลาย - รักษาอาการป่วย สูญสลายไปกับแก๊งมิจฉาชีพ หลอกลงทุนเทรดหุ้นผ่านเพจเฟซบุ๊ก สูญกว่า 5 ล้าน ร้องกองปราบช่วย
26 ก.ย.2567 อดีตผู้บริหารธนาคาร ร้องกองปราบ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้นผ่านเพจเฟซบุ๊ก สูญเงินกว่า 5 ล้าน โอดแทบหมดตัว เงินเก็บก้อนสุดท้ายหวังใช้ชีวิตบั้นปลาย - รักษาอาการป่วย สูญสลายไปกับแก๊งมิจฉาชีพ
เวลา 11.20 น. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายธมนันท์ แตงทิม หรือจ่าคิงส์ สะพานใหม่ พานายถาวร อายุ 57 ปี อดีตผู้บริหารฝ่ายวิชาการ ธนาคารแห่งหนึ่ง พร้อมกับ น.ส.จรุญนีย์ อายุ 45 ปี ภรรยาผู้เสียหาย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.นฤมล ฉาบแก้ว รอง.ผกก.2.บก.ป. หลังถูกหลอกให้ลงทุนเทรดหุ้นจนสูญเงินรวมกว่า 5 ล้านบาท
น.ส.จรุญนีย์ กล่าวว่า สามีของตนใกล้ถึงวัยเกษียณประกอบกับป่วยกระทันหัน อยากนำเงินก้อนสุดท้ายที่เก็บมาทั้งชีวิต กับเงินทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ทางธนาคารมอบให้ไปลงทุน
จึงไปพบเพจเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ ( HSH GOLD Futures Online ) แต่เพียงแค่กดถูกใจ แอดมินเพจดังกล่าวก็ส่งข้อความกลับมา พร้อมกับข้อเสนอ รวมถึงคำแนะนำขั้นตอนการลงทุนต่างๆ อ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเทรดหุ้น จึงเกิดความสนใจ
“หลังจากนั้นกลุ่มคนร้ายก็สร้างบัญชีเทรดหุ้นขึ้นมาเป็นชื่อของสามีตน เพื่อให้เห็นว่ามียอดเงินเข้า รวมถึงช่วงแรกมีการถอนเงินออกได้จริง จึงเทรดเพิ่มไปอีก 2-3 ครั้ง
ซึ่งการลงทุนในแต่ละครั้งจะให้โอนเงินเข้าไปเพิ่มตลอด โดยบัญชีที่โอนเงินเข้าไปนั้นก็เป็นชื่อบุคคธรรมดาทั้งหมด และมียอดเงินแสดงเพิ่มขึ้นที่บัญชีจริง จึงยังไม่ได้เอะใจ
ต่อมาสามีตนต้องการจะถอนเงินกลับคืน แต่กลับไม่สามารถถอนได้ โดยมิจฉาชีพกลุ่มนี้อ้างว่ายังเทรดไม่ครบ หากเทรดครบแล้วจึงจะสามารถถอนได้ แต่ถึงกระนั้นก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมก่อน ผู้เสียหายจึงโอนเงินจ่ายค่าธรรมเนียมให้ไป แต่ก็ยังไม่สามารถถอนเงินออกมาได้เช่นเดิม
เมื่อสอบถามกลุ่มมิจฉาชีพอ้างว่าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมและภาษีเพิ่มอีก ด้วยความอยากได้เงินกลับคืนจึงยอมทำตาม แต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม ซึ่งกว่าที่จะรู้ตัวว่าถูกหลอก ก็สูญเงินไปรวมกว่า 5 ล้านบาท”
น.ส.จรุญนีย์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้าเคยเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.บางบัวทอง แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ในวันนี้จึงตัดสินใจมาเข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมกับตำรวจกองปราบ เพราะไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายเพื่อพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป