เพื่อนเผยอาการป่วยจิตเวชของสาวทอม คลั่งชนดะ ชักปืนขู่ พบเพิ่งซื้อปืนไม่นาน
เพื่อนสาวทอม เล่าถึงอาการป่วยจิตเวช หลังเกิดเหตุคลุ้มคลั่งไล่ชนดะ 8 คันรวด ก่อนลงจากรถชักอาวุธข่มขู่นักท่องเที่ยวและชาวบ้าน
26 ก.ย. 2567 กรณี น.ส.วิภานี หรือ จูน สาวทอมคลุ้มคลั่ง ขับรถไล่ชนดะ 8 คัน ก่อนจะวิ่งลงจากรถถือปืนข่มขู่ คนขับรถสามล้อ และนักท่องเที่ยว ผวาหนีตาย ตำรวจเข้าช่วยระงับเหตุถูกปืนตบ ซึ่งเหตุเกิดช่วงเวลา ตี 1 ของวันที่ 26 ก.ย. ที่ผ่านมา
ล่าสุด ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ น.ส.ศศิมา อายุ 30 ปี เพื่อนสนิทของผู้ก่อเหตุ พร้อมกับเพื่อนอีก 2-3 คน เดินทางมาเยี่ยมสาวทอม แต่ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ให้เข้าเยี่ยม เพราะยังไม่ถึงเวลา
โดย เพื่อนผู้ก่อเหตุ เล่าว่า เพิ่งจะทราบข่าวเมื่อช่วงเช้า เลยเดินทางมาพร้อมกับติดต่อกับทางแม่ของจูน ทราบว่า ตอนนี้คุณแม่ ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เนื่องจากช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอาการหอบกำเริบ
สำหรับพฤติกรรมของเพื่อน ยอมรับว่า มีอาการป่วยจิตเวชลักษณะคล้ายควบคุมสติไม่อยู่ค่อนข้างจะมีอาการคลุ้มคลั่งโมโหฉุนเฉียว หากไม่พอใจหรือไม่ชอบหน้าใครจะพร้อมเข้าไปทะเลาะ และจะหาเรื่อง รวมไปถึงตัวเพื่อนเองค่อนข้างเป็นคนหวงรถ เวลาขับรถจะไม่ให้ใครมาปาดหน้าหรือเฉี่ยว หากเข้ามาใกล้รถของเขา เขาเองจะคลุ้มคลั่งคล้ายว่าควบคุมสติไม่อยู่และค่อนข้างโมโหร้าย
ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากอาการป่วยทางจิตเวช ทุกครั้งที่ตนเองเดินทางไปกับทางเพื่อนของตน ก็จะช่วยพูดให้เขาใจเย็นและระงับสติอารมณ์ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ครั้งนี้เชื่อว่าเขาเองคงจะเจอสถานการณ์ลักษณะคล้ายรถปาดหน้าหรือมีเหตุการณ์คล้ายว่าใครมาเฉี่ยวชน หรือ เข้ามาใกล้รถของเขา ทำให้เกิดอารมณ์โมโห และควบคุมสติไม่อยู่ ที่จะพุ่งชนใส่รถคันอื่นลักษณะคล้ายตกใจ
ส่วนเรื่องของอาวุธปืน ตนเพิ่งจะทราบเมื่อช่วงประมาณกลางเดือนที่แล้ว ซึ่งตรงกับวันเกิดของเจ้าตัว วันนั้นจูน ได้เดินทางไปหาที่บ้านก่อนที่จะมีการนำอาวุธปืนมาโชว์ให้ตนดู ประจวบเหมาะกับก่อนหน้านั้นตนเองก็เห็นว่าทางเจ้าตัวมีการโพสต์รูปอาวุธปืน เลยมีการสอบถามว่าซื้อมาจากไหนและเอามาทำอะไร เจ้าตัวไม่ได้ตอบว่าซื้อมาจากที่ไหน แต่นำมาเก็บไว้เพื่อป้องกันตัว เลยถามไปว่าจะมาป้องกันตัวเพื่ออะไร ซึ่งทางเจ้าตัวก็ไม่ตอบ แต่ในมุมของเพื่อนก็อย่างที่บอกเขาเองเป็นคนระแวงและคิดว่าคนรอบข้างจะมาทำร้าย ก็เลยอาจจะซื้ออาวุธปืนไว้เพื่อป้องกันตัว
.
ส่วนเมื่อถามถึงอาการป่วย เพื่อนของเขายืนยันว่า เขาป่วยมานานหลายปี ที่ผ่านมารู้จักกับเพื่อนประมาณ 6-7 ปี เขาเองก็มีอาการป่วยแล้วและต้องกินยาเป็นประจำ ทราบว่ากินบ้าง ไม่กินบ้างทำให้อาการไม่คงที่ ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุทราบว่าทางเจ้าตัวได้ขับรถออกมาหลังบ้านเพื่อมารับลูกค้า เพราะเขาทำอาชีพแบบไรเดอร์รับส่งคน และมีประวัติอดีตเคยต้องโทษเกี่ยวกับทางคดี แต่ไม่มั่นใจว่าคดีเกี่ยวกับอะไร เคยต้องโทษ 4 ปีกว่า ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ต่อมาทางพนักงานสอบสวนได้เชิญตัว นายสรพงศ์ อายุ 44 ปี คนขับรถตุ๊กตุ๊ก มาสอบปากคำที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ และให้สัมภาษณ์ ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รถจอดติดไฟแดงระหว่างไปส่งผู้โดยสารชางต่างชาติ ก็ได้ยินอยู่ เสียงดังสนั่น รู้เลยเป็นเสียงรถชนแน่นอน จากนั้นก็เห็นรถคันดังกล่าวพุ่งเข้ามาที่รถตุ๊กๆ ของตนเอง แต่เคราะห์ดีที่รถเฉียดผ่านไปเพียงไม่กี่เซนติเมตร และมาหยุดอยู่ที่บริเวณทางเท้า
หลังจากนั้นผู้ต้องหา ก็ลงมาจากรถพร้อมถืออาวุธปืนออกมาข่มขู่ ชี้ที่หน้าทั้งตนเอง และผู้โดยสารชาวต่างชาติ โดยไม่พูดอะไร แต่สีหน้าแววตา มีความตื่นตระหนก ด้วยความตกใจ ตนเอง และผู้โดยสารกระโดดหนีไปหลบที่หลังรถ ก่อนจะวิ่งไปตามเจ้าหน้าที่ตำรวจภายในป้อมจราจรตรงแยกให้ออกมาช่วยระงับเหตุดังกล่าว ยอมรับว่าตกใจกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าว ยังได้โทรศัพท์พูดคุยกับ สิบตำรวจโท สถาพร พันธุ์งาม ผู้บังคับหมู่งานจราจร สน.ทุ่งมหาเมฆ เปิดเผยว่า หลังได้รับแจ้งเหตุก็รีบเดินทางไปยังจุดดังกล่าว พบผู้ก่อเหตุกำลังใช้ด้ามปืนทุบกระจกรถของผู้เสียหายรายอื่นอยู่จึงชักอาวุธปืน และเกลี้ยกล่อมให้วางอาวุธ แต่แทนที่ผู้ก่อเหตุจะสงบลง กับพุ่งเข้ามาที่ตนเองพร้อมกับอาวุธปืน จึงเกิดการยื้อแย่งอาวุธปืนกันของทั้งสองฝ่าย และถูกฟาดเข้าที่ใบหน้าและมือจนได้รับบาดเจ็บ
จากนั้นจึงพยายามยื้อแย่งอาวุธปืนของผู้ก่อเหตุกลับมาได้ พร้อมกับจับล็อกตัวลงกับพื้น กระทั่งตำรวจนายอื่นเข้ามาช่วยเหลือ ยอมรับว่า ขณะนั้นผู้ก่อเหตุมีอาการเหมือนคนคลุ้มคลั่ง แต่เมื่อควบคุมตัวได้แล้วกลับไม่ยอมพูดใดๆกับตำรวจ แต่มีท่าทีขัดขืนอยู่ตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องใส่กุญแจมือ พร้อมกับนำตัวมาที่สถานีตำรวจ ยอมรับว่า ตั้งแต่รับราชการมาไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่น่าตกใจแบบนี้
โดยล่าสุดแพทย์ได้ตรวจร่างกายพบร่องรอยบาดแผลฟกช้ำที่ปลายนิ้วนางด้านซ้าย นิ้วหัวแม่มือซ้าย นิ้วชี้ซ้าย หลังมือขวา กระดูกนิ้วนางหัก และมีร่องรอยบาดแผลฟกช้ำถลอดที่บริเวณแก้มซ้าย ต้องใส่เฝือกอ่อนในบริเวณที่กระดูกหัก ซึ่งแพทย์ให้ลาพัก 4 สัปดาห์
ต่อมาช่วงบ่ายพนักงานสอบสวน คุมตัว นางสาววิภานี หรือจูน มาสอบปากคำ ระหว่างนั้น ผู้สื่อข่าว ได้พยายามสอบถามว่า เหตุใดถึงใช้ปืนออกมาขู่ประชาชน และสาเหตุอะไรถึงขับรถชนคนอื่น แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมพูดอะไรเลย เดินตามพนักงานสอบสวนเข้าไปยังห้องสอบปากคำ
พ.ต.อ.พนม เชื้อทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาล ทุ่งมหาเมฆ กล่าวว่า จากการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์และสารเสพติดในร่างกายปรากฏว่า ไม่พบทั้งสารเสพติดและปริมาณแอลกอฮอล์ จากการสอบถามเบื้องต้น บอกว่า เพิ่งซื้ออาวุธปืนราคา 25,000 บาท มาได้ไม่กี่วัน แต่ เจ้าของเก่ายังไม่โอนชื่อ
ขณะที่แม่ของผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางมาที่ สน. เมื่อคืนนี้บอกว่า ลูกสาวขับรถรับจ้างผ่านแอปพลิเคชั่นออกจากบ้านมาย่านพุทธมณฑลประมาณ 2 ทุ่ม และลูกสาวเคยมีประวัติรักษาอาการจิตเวชที่โรงพยาบาล
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ หากมีการอ้างว่าเป็นผู้ป่วยทางจิตเวช ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องส่งไปตรวจกับทางแพทย์อีกครั้ง ส่วนข้อหาในอนาคตจะเป็นอย่างไรก็ต้องอยู่ที่ผลของการตรวจทางการแพทย์อีกที ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกทำร้ายร่างกายขณะปฎิบัติหน้าที่ตอนนี้ จะได้มีการพักรักษาตัว เนื่องจากตัวเองมีอาการบาดเจ็บที่นิ้ว และบริเวณใบหน้า ตนก็อยากชื่นชมกับทางเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวในการเข้าระงับเหตุได้ทันที
ขณะที่ในส่วนของผู้เสียหายตอนนี้ได้มีการทยอยเรียกมาสอบปากคำแล้วเบื้องต้นแต่ยังขาดเหลือในส่วนของเจ้าของรถสามล้อ รวมไปถึงผู้ชายที่นั่งอยู่ภายในรถ เนื่องจากตนเองยังไม่สามารถติดต่อหรือตามหาได้ก็เลยอยากสื่อสารผ่านสื่อว่าหากเห็นข่าวก็ให้ติดต่อเข้ามาในฐานะผู้เสียหาย
.